เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของร้านขายของ ในเขตเทศบาลแคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจดองคดีนาน 8 เดือน ไม่ยอมทำงาน ซ้ำโดนด่ากลับ จึงเดินทางไปตรวจสอบร้านค้าดังกล่าวเป็นร้านค้าขายของส่งชื่อ “ร้านมาบุญชู” ตั้งอยู่เลขที่ 120 หมู่ 5 ต.แคนดง อ.แคนดง ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยเงินสดหลายครั้งเกือบ 7 หมื่นบาท

นางชิตากาญจน์ ตามสีรัมย์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้าน เล่าว่า ตนเองได้นำคลิปกล้องวงจรปิดจำนวน 9 ครั้ง ที่คนร้ายเป็นหญิงสาวมาขโมยไป ครั้งละประมาณ 8,000 บาท ไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.แคนดง แต่ตำรวจไม่ยอมออกมาดูในร้านจึงร้องสื่อให้มาช่วย พอตกเป็นข่าว พนักงานสอบสวนเดินทางมาทันทีพร้อมถ่ายภาพ 2-3 ภาพ แล้วกลับไป

ต่อมาคนร้ายหญิงสาวที่ปรากฏอยู่ในวงจรปิดได้ประสานมาขอไกล่เกลี่ย แต่ตำรวจบอกว่าถ้าจะไกล่เกลี่ย ลดตัวเลขลงจากเงินที่หายไปวันละ 8,000 บาท ให้เหลือวันละ 6,000 บาท ได้ไหม ตนก็ยอม แต่ตำรวจบอกว่าไม่ว่างนัดกันวันหลัง แต่สุดท้ายคนร้ายหลบหนีไปต่างจังหวัดไม่เห็นตัวอีกเลย

ตนเองได้ไปติดตามคดีกับพนักงานสอบสวนบอกว่าเดี๋ยวผมจะออกหมายเรียก ถ้าไม่มาจะออกหมายจับเพราะรู้ตัวแล้ว เป็นผู้หญิง อายุ 30 ปี แต่เวลาผ่านมากว่า 8 เดือน กลับไม่มีความคืบหน้า จึงไปถามเป็นระยะตำรวจก็ตอบมาว่า ยังไม่ว่าง งานเยอะ

หลังจากนั้นไม่ค่อยจะกล้าไปหา ได้แต่แชตไลน์ถามคดี สุดท้ายตำรวจตอบกลับมาว่า “ตำรวจไม่ได้มีเรื่องพวกเจ้าเรื่องเดียวเนาะ หันไปนั่นกะเรื่องหันไปนี่กะเรื่อง มีแต่เรื่องของคนอื่น โอ้ยประสาทจะกินก่อนลาออก” บางแชตตำรวจส่งภาพสำนวนมาให้ดูเขียนกำกับว่า “มายุบ้านกะบ่ได้อยู่ซือๆ นำหมู่ดอกกะเอางานมาเฮ็ดไปนำ”

จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนคนเดิม พอตำรวจเห็นหน้าตนเองได้เอนตัวพิงใส่เก้าอี้ประจำตำแหน่งพร้อมกับพูดว่า “เฮ้อไม่เห็นมาถามข่าว ไม่มาติดตาม คิดว่าไม่สนใจแล้ว” พร้อมกับอธิบายหลักการทำงานของตำรวจว่าถ้าขอหมายศาลออกมาแต่เขาหนีไปที่อื่นแล้วไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน หมายจับที่ออกไปแล้วจะต้องตกค้างอยู่โรงพัก โดนเจ้านายด่าอีก

“รู้สึกน้อยใจที่ได้ยินคำพูดของตำรวจ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตอนนี้อยากให้ตำรวจออกหมายจับตามกระบวนการ เพราะอยากให้คนก่อเหตุรับรู้ถึงการกระทำเพื่อให้หลาบจำ จะไม่ไปก่อเหตุในลักษณะแบบนี้อีก ยอมรับเหนื่อยใจกับตำรวจพวกนี้” ผู้เสียหาย กล่าว

ผู้เสียหาย กล่าวต่ออีกว่า หากย้อนเวลาตอนที่หญิงคนนั้นมาขโมยเงินไป มันรู้สึกเจ็บใจมาก โดยเฉพาะตอนไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่คนร้ายขโมยเงินตัวเองแล้วมาซื้อของตัวเองในร้าน แถมแม่ค้าขายทุเรียนข้างร้านยังมาเล่าให้ฟังอีกว่า ทำไมคนร้ายมีเงินจังซื้อทุเรียนราคาแพงทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง ทั้งที่เงินทั้งหมดเป็นของตนเองทั้งสิ้น.