เมื่อวันที่ 24 เม.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุม น.ส.สุวรรณอำภา หรือ ปลา อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงราชบุรี ที่ จ.52/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 67 ความผิดฐาน “ฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยจับกุมได้หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางซื่อ กรุงเทพฯ
โดยก่อนการจับกุม สืบนครบาลได้รับข้อมูลว่า คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลย่านพญาไท พบผู้ที่ใช้ชื่อว่า สุวรรณอำภา ปลอมบัตรประจำตัวบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ นำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการแอบอ้างตนว่าเป็น ศัลยแพทย์ระบบสมอง และนำไปหลอกลวงเอาเงินจากคนไข้และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลฯ หลายราย ทำให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ได้รับความเสียหาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบนครบาลได้ตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวคือ น.ส.สุวรรณอำภา หรือ ปลา อายุ 35 ปี ซึ่งมีหมายจับติดตัวของศาลแขวงราชบุรี โดยพฤติการณ์คือ เมื่อประมาณเดือน ม.ค. 63 น.ส.สุวรรณอำภา ได้เพิ่มผู้เสียหายเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กก่อนจะทักมาหาพูดคุยและได้แนะนำตัวว่าเป็นแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้พูดคุยกับผู้เสียหายมาเรื่อยๆ จนได้คบหากัน โดย น.ส.สุวรรณอำภา จะเดินทางมาหาผู้เสียหายที่ อ.เมืองราชบุรี ทุกๆ สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 วันแล้วก็จะนั่งรถโดยสารกลับไปกรุงเทพฯ โดยบอกผู้เสียหายว่าจะไปทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าว และบางสัปดาห์ผู้เสียหายจะขับรถไปรับที่หน้าโรงพยาบาล แล้วก็ไปส่งด้วย เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาที่คบหากัน
ต่อมาประมาณเดือน เม.ย. 66 ผู้เสียหายและน.ส.สุวรรณอำภา ได้เลิกรากัน แต่ปรากฏว่าช่วงก่อนที่จะเลิกกันนั้น น.ส.สุวรรณอำภา ได้มาขอให้ผู้เสียหายหาเงิน 300,000 บาท อ้างว่าต้องใช้เงินในการชดใช้ให้ญาติคนตายที่ตนได้เป็นคนผ่าตัดแล้วเสียชีวิตลง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ไปหลายครั้ง รวมมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,283,620 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายพบว่า น.ส.สุวรรณอำภา ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับโรงพยาบาลและไม่ได้เป็นแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแต่อย่างใด
ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นต่อศาลขออนุมัติหมายจับ และสืบนครบาลได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะที่แต่งกายในชุดบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ และมีชื่อของผู้ต้องหาเป็นภาษาอังกฤษที่หน้าอกเสื้อด้านซ้ายอีกด้วยได้ จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.เมืองราชบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ตัวเองเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ไม่เคยมีประวัติการต้องโทษหรือเคยถูกจับมาก่อน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น กล่าวว่า การหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายอาชีพต่างๆ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และฝากเตือนประชาชนเกี่ยวกับการถูกหลอกลวง หลอกให้รัก ผ่านการพูดคุยในสื่อสังคมออนไลน์ในแอปพลิเคชันต่างๆ ถึงแม้จะมีการนัดพบเจอทำความรู้จักกันแล้ว แต่มิจฉาชีพยังสามารถมีวิธีการในการหลอกลวงปกปิดตัวตนที่แท้จริง หรืออวดอ้างหน้าที่การงานที่ดีทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียทรัพย์สินมูลค่าสูงได้