เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้การต้อนรับ เชค ฮาซีนา (Her Excellency Sheikh Hasina) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ โดยนายกฯ หารือเต็มคณะร่วมกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ทั้งนี้ ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและบังกลาเทศมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด ซึ่งจะมีการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-บังกลาเทศ (Thailand-Bangladesh FTA) โดยจะร่วมกันผลักดันการเจรจา FTA ภายในปี 2567 นี้ ทั้งนี้ บังกลาเทศถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ จึงเชื่อมั่นว่าการจัดทำ FTA จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขยายการเข้าถึงตลาดและส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันในภาคส่วนต่างๆ

ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งบังกลาเทศ เชิญชวนนักลงทุนไทยร่วมลงทุนบังกลาเทศเพิ่มเติม โดยทั้งสองประเทศสามารถขยายตลาดการค้าในภูมิภาคอาเซียนได้ โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย เนปาล และภูฏาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้บังกลาเทศพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่นักลงทุนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะผ่อนปรนกฎระเบียบด้านภาษีที่ภาคเอกชนต้องจ่ายภาษีเงินได้ล่วงหน้า และข้อจำกัดในการโอนเงินตราต่างประเทศออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่จะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศอีกครั้ง ในการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 6 (the 6th BIMSTEC Summit) ในวันที่ 4 ก.ย. 2567 นี้ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในปีนี้ โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานร่วมกัน ผลักดันการบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี BIMSTEC ขณะที่ด้านสถานการณ์เมียนมา ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยนายกฯ บังกลาเทศคำนึงถึงผู้ลี้ภัยที่มีจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงแนวทางของไทยที่ยินดีให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งยึดหลัก Unified, Stable and Peaceful ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าไทยยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศกล่าวถึงชื่อของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า শ্রেষ্ঠ (Srestha) ในภาษาเบงกาลี ซึ่งมีความหมายว่า The Best จึงเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการเยือนครั้งนี้จะมีความหมายสำคัญยิ่งต่อความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต.