เมื่อวันที่ 26 เม.ย. หลังจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารแจ้งเตือนกรณีที่มีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญ ให้มีการจูงใจ ชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม 20 กลุ่ม ให้เสนอตัวเป็นผู้สมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสว.ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ที่ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ  ซึ่งอาจเสี่ยงเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวนั้น

ล่าสุด วันเดียวกันนี้ ทาง iLAW (ไอลอว์) ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจซึ่งเป็นประเด็นเชื่อมโยงกับกรณีที่ กกต.แจ้งเตือนข้างต้น โดยใจความระบุว่า เฟซบุ๊กของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “ไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว. ได้” พร้อมกับเขียนข้อความอ้างว่า “การกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งจุดยืนของตนเองให้เผยแพร่และปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ใด” อาจมีความผิด

ทางไอลอว์ได้ศึกษาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีข้อห้ามดังกล่าวอยู่ในมาตราใด หรือบทใด ส่วนข้อห้ามที่ใกล้เคียงกับเรื่องนี้ คือการวางเงื่อนไขเรื่องการ “แนะนำตัว” ผู้สมัคร สว. ซึ่งกฎหมายเปิดทางให้ กกต. กำหนดเงื่อนไขได้ อย่างไรก็ดีระเบียบ กกต. เกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้สมัคร ก็ยังไม่ได้ประกาศใช้ และยังไม่มีผลบังคับใช้ แม้ว่า กกต. เคยประกาศว่าสำนักงาน กกต. จะส่งระเบียบดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 23 เม.ย. 2567 ก็ตาม

ทางไอลอว์ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. ที่หมายเลข 0-2141-8259 เมื่อเวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่ที่รับสายไม่เคยเห็นโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวมาก่อน และไม่เข้าใจว่าการกระทำที่โพสต์ถึงนี้จะผิดกฎหมายใด เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าการชี้ชวนให้ผู้อื่นลงสมัคร สว. เป็นความผิดหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีพฤติการณ์อื่นหรือไม่ เช่น มีการให้ทรัพย์สิน หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเลี้ยง หรือหลอกลวง ข่มขู่หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77

เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า การกรอกข้อมูลเผยแพร่จุดยืนบนเว็บไซต์เป็นความผิดกฎหมายใด เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่ากำลังจะมีการออกระเบียบเกี่ยวกับการแนะนำตัว ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นว่า ระเบียบดังกล่าวประกาศใช้หรือยัง ซึ่งน่าจะใกล้แล้ว เมื่อสอบถามให้ยืนยันว่าเมื่อไม่มีระเบียบก็ยังไม่มีกฎหมายใดห้ามใช่หรือไม่ เจ้าหน้าที่รับว่าใช่  

ดังนั้น การที่เฟซบุ๊กของสำนักงาน กกต. และสำนักงานประชาสัมพันธ์ของ กกต. นำเสนอข้อมูลเชิงข่มขู่ประชาชนที่ทำกิจกรรมรณรงค์เรื่องการสมัคร สว. ว่าจะเป็นความผิด จึงไม่มีกฎหมายรองรับ และเป็นข้อมูลเท็จ ทุกคนสามารถตรวจสอบว่าในการลงสมัคร สว. ครั้งนี้สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ ด้วยตัวเองได้ตามกฎหมายที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว