เมื่อวันที่ 28 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก และกู้ชีพ อบต.บ้านใหญ่ เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุหนุ่มใช้อาวุธมีดบุกฟันเพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ที่เกิดเหตุในซอยหนองปราจีน ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก พบผู้บาดเจ็บ 3 ราย เป็นพ่อแม่ลูกกัน ทราบชื่อนายศักดิ์ชัย อายุ 30 ปี มีบาดแผลถูกฟันที่ข้อศอกด้านซ้ายเอ็นฉีกเย็บ 10 เข็ม และมีบาดแผลถูกฟันที่หลังเป็นแผลลึก น.ส.วรรณา อายุ 35 ปี ถูกอาวุธมีดฟันที่แขนซ้าย และน.ส.กัลลิกา อายุ 20 ปี เจ็บหน้าอกเนื่องจากถูกถีบ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวทั้งหมดส่ง รพ.นครนายก

ห่างจากบ้านผู้บาดเจ็บไปประมาณ 100 เมตร พบนายสุรพงษ์ ผู้ก่อเหตุยืนโวยวายอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปสอบถามถึงสาเหตุที่ก่อเหตุ แต่นายสุรพงษ์มีอาการคล้ายมึนเมา พูดจาวกไปวนมา อ้างว่าผู้บาดเจ็บมาทำตนเองก่อน จึงได้เชิญตัวไปสอบปากคำต่อที่ สภ.เมืองนครนายก แต่นายสุรพงษ์ไม่ยอมไป ขัดขืนและด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผลจึงต้องเข้าควบคุมตัวโดยใส่กุญแจมือนายสุรพงษ์นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองนครนายก

นายศักดิ์ชัย และน.ส.วรรณา ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับนายสุรพงษ์มาก่อน ก่อนเกิดเหตุตนทั้ง 2 คนเพิ่งกลับมาจากแข่งกีฬา และก็กำลังยืนทำกับข้าวกันอยู่ตามปกติ จู่ๆ นายสุรพงษ์ก็ปาของเข้ามาในบ้านก่อนและได้วิ่งถือมีดเข้ามาแล้วเอามีดฟันกวาดโต๊ะใส่คนที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านของตนอย่างแรง ท่ามกลางความตกใจต่างคนก็ต่างวิ่งหนีกระเจิง จากนั้นนายสุรพงษ์ ได้เดินเข้ามาในบ้านตนและเข้าไปถีบหน้าอก น.ส.กัลลิกา ลูกสาวตนก่อน จากนั้นก็หันมาฟัน น.ส.วรรณา เมื่อนายศักดิ์ชัย เห็นภรรยาโดนฟันจึงได้วิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็กลับโดนฟันด้วยอีกคน จากนั้นทั้งหมดก็ได้ชุลมุนกันมั่วไปหมด ก่อนจะมีชาวบ้านเข้ามาช่วยห้ามและนายสุรพงษ์ได้เดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง

ชาวบ้านยังให้ข้อมูลว่า นายสุรพงษ์นั้นเวลาไม่เมาก็ดี แต่พอเมาทีไรก็จะชอบมีเรื่องกับชาวบ้านตลอด ซึ่งชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัวและไม่ค่อยอยากมีใครยุ่งด้วยเท่าไหร่ เนื่องจากว่านายสุรพงษ์เคยถูกจับติดคุกมากว่า 10 ปี คดีใช้อาวุธมีดแทงพ่อตัวเองเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านที่ถูกจับในวันนี้

เบื้องต้น พ.ต.ท.อุทัย อบมาลี สว.สอบสวน สภ.เมืองนครนายก ได้แจ้ง 3 ข้อหากับนายสุรพงษ์ คือ 1.ทำร้ายร่างกาย และรอดูอาการของผู้บาดเจ็บว่าถึงขั้นสาหัสหรือไม่ 2.บุกรุกยามวิกาล และ 3.พยายามฆ่า ซึ่งครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด เนื่องจากว่านายสุรพงษ์เคยก่อเหตุกับคนอื่นในซอยบ้านมาก่อนหน้านี้ แต่ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจเอาความ จนนายสุรพงษ์นั้นไม่เกรงกลัวใคร.