เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม วินโพรเสส ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เกิดเหตุไฟปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ให้รถแบ๊กโฮเข้าไปโกยกองสารเคมีบริเวณโกดังที่ 5 โดยได้มีไฟลุกไหม้ขึ้นจากกองถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่ทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ที่ขับรถแบ๊กโฮต้องรีบนำรถออกมาก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเข้าฉีดน้ำสกัดเพลิงดังกล่าว ซึ่งบริเวณโกดังที่ 5 ยังมีกลุ่มควันอยู่บางจุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำรถแบคโฮเข้าไปโกยเพื่อเกลี่ยกองสารเคมีต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นหลังเกือบโดนไฟไหม้ ขณะที่โกดังที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้เร่งใช้สารโซเดียมไบคาร์บอเนตกลบช่องที่พบควันไฟลอยออกเพื่อเร่งดับไฟ ซึ่งบางจุดก็ยังมีควันลอยออกมาอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ดินถมทำให้เกิดมีช่องว่างของร่องดินและทรายทำให้ยังพบมีกลุ่มจากความร้อนของอลูมิเนียมกรอสด้านล่างอยู่

ด้าน พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผกก.สภ.บ้านค่าย พ.ต.ท.วิรัตน์ เตชนันท์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย พ.ต.ท.วิรัตน์ พ.ต.อ.ปาริฉัตร อั้นเต้ง นักวิทยาศาตร์ ( สบ.4) พิสูจน์หลักฐาน จ.ระยอง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยใช้โดรนบินเก็บหลักฐาน

ไฟไหม้โรงงานสารเคมีบ้านค่าย บึ้มสนั่น! ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยด่วน

พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้ใช้โดรนบินเก็บภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังเชื่อมั่นว่ามีพื้นที่มีความปลอดภัยแล้ว ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนการสอบสวนพยานบุคคลขณะนี้ได้มีการสอบปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 20 ปาก โดยเป็นพนักงานโรงงาน และรปภ. รวม 5 ราย ส่วนที่เหลือเป็นประชาชนที่อยู่ใกล้โรงงาน และที่เห็นเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุเพลิงไหม้ ส่วนเจ้าของโรงงานยังไม่สามารถติดตามตัวได้ โดยอ้างว่าติดธุระอยู่นอกพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะได้เร่งตามตัวมาสอบสวนต่อไป

ส่วนสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 ชลบุรี ก็ได้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศจุดบริเวณใกล้โกดังที่ 3 ซึ่งพบว่ามีกลิ่นแอมโมเนียรุนแรงรัศมี 30 ม. อยู่ที่ระดับ 7-8 แต่ยังไม่อันตราย ผู้ที่ปฏิบัติงานหน้างานที่เกิดเหตุควรสวมใส่หน้ากากที่ป้องกันแอมโมเนียได้ด้วย.