เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ร.ต.อ.วีระวัฒน์ ไพรบึง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุ รถ จยย. เสียหลักพลิกคว่ำชนเสาไฟฟ้ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ภายในซอยรามอินทรา 5 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ต.ยุรนันท์ เพชรมณี สว.สส.สน.บางเขน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู

ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพ เป็นหญิง 1 ศพ และเป็นชาย 1 ศพ ทราบชื่อต่อมาว่า น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สภาพศพสวมชุดนอนสีชมพู มีบาดแผลเปิดที่หน้าผาก และบาดแผลที่นิ้วมือเกือบขาด อีกรายคือ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี มีบาดแผลที่หน้าอกและขาซ้าย สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีกรมท่า ใกล้กันมีรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ด้านหน้ารถชนกับเสาไฟฟ้ายุบเสียหาย ใกล้จุดเกิดเหตุพบมีดทำครัวตกอยู่ 1 เล่ม นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายเป็นหญิง ทราบชื่อ น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูรีบนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตร

จากการสอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บขี่รถ จยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ กำลังมุ่งหน้าออกปากซอยรามอินทรา 5 โดยระหว่างทางบริเวณแยกศาลเจ้าพ่อเสือ มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ขี่ จยย.รุ่นเอ็กซ์แม็กซ์ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หนึ่งในนั้นมีอาวุธมีด ไล่กวดมาลักษณะเหมือนจะทำร้าย ทำให้กลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บต้องขี่ จยย. หลบหนี จนกระทั่งเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าและล้มลงเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว หลังเกิดเหตุกลุ่มชาย 3 คน ที่ขี่รถ จยย. ไล่มา ได้ขี่รถ จยย. หลบหนีไป

โดยชุดสืบสวน สน.บางเขน ยังได้ความจากญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บระบุว่า ก่อนเกิดเหตุคนเจ็บได้ส่งข้อความผ่านแอปไลน์ สอบถามว่า รู้จักกับบุคคลในภาพหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มของผู้บาดเจ็บมีเรื่องทะเลาะกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง โดยมีบุคคลในภาพมาเจรจา แต่สุดท้ายเข้าใจว่า ไม่สามารถตกลงกันได้ กระทั่งโดนไล่ทำร้าย เบื้องต้นตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงรอการสอบสวนผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลเปาโลเกษตร เพื่อให้ได้เบาะแสของกลุ่มคนร้าย ส่วนศพผู้เสียชีวิต 2 ศพ มอบหมายให้อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ ชันสูตรตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.