รายงานทางการแพทย์ที่เผยแพร่ในวารสาร  New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา กล่าวถึงอาการป่วยที่มีสาเหตุจากสิ่งที่คาดไม่ถึงนี้เกิดขึ้นกับชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เพิ่งย้ายมาจากเอล ซัลวาดอร์ มาทำงานก่อสร้างที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว

จู่ ๆ หนุ่มแรงงานก่อสร้างนี้ก็มีอาการเจ็บปวดที่ขาทั้งสองข้าง รวมถึงอาการอ่อนแรง เขายังมีปัญหานอนไม่หลับและหลับไม่สนิท นอกจากนี้ น้ำหนักตัวของเขายังลดลงเรื่อย ๆ ทั้งที่ก็สามารถรับประทานอาหารและมีความอยากอาหารตามปกติ

เนื่องจากเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ประเทศใหม่และยังทำงานใช้แรงงาน จึงเข้าใจว่าตัวเองมีอาการผิดปกติเพราะความเครียด จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับขาทั้งสองข้างได้เลย

ชายหนุ่มขอให้ครอบครัวพาเขาไปโรงพยาบาล หลังจากที่ทีมแพทย์ได้ตรวจอาการของเขา ถึงตอนนั้น ชายหนุ่มก็ยืนเองไม่ได้แล้ว พร้อมกับเล่าว่าอาการของเขาแย่ลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อน

คนไข้หนุ่มยืนยันว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน แต่สังเกตเห็นมือตัวเองสั่นเป็นบางครั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเขาคิดว่าเกิดจากความเครียด เขาไม่มีนิสัยชอบสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เป็นครั้งคราวเท่านั้น

ชายหนุ่มยังเล่าว่าป้าของเขาก็มีอาการอ่อนแรงคล้ายกันในช่วงก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเธอเคยมาพบแพทย์และตรวจรักษาหรือไม่ 

หลังจากที่ทีมแพทย์ส่งตัวเขาไปเพื่อรับการตรวจสอบหลายอย่างก็พบว่า ปริมาณการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของเขาเป็นปกติ ขาของเขารับรู้สัมผัสได้เล็กน้อย และรับรู้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ ส่วนผลการตรวจเลือดก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ 

ทีมแพทย์สังเกตได้ว่าเขามีอาการสั่นที่เห็นได้ชัด ขณะที่ปริมาณเอนไซม์กล้ามเนื้ออยู่ในระดับสูง ซึ่งบ่งบอกว่ามีกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อของร่างกายที่กำลังเสียหายหรือได้รับบาดเจ็บ

จากนั้น ทีมแพทย์ก็พบเรื่องที่น่าตกใจ ซึ่งก็คือปริมาณโพแทสเซียมในเลือดของเขาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เพียง 1.8 mEq/L  ขณะที่คนที่มีสุขภาพปกติจะมีระดับโพแทสเซียมในเลือดราว 3.4-5 mEq/L จึงสั่งให้เขารับประทานโพแทสเซียมคลอไรด์ทันที เพื่อเพิ่มระดับสารดังกล่าวในเลือดอย่างเร่งด่วน 

หลังจากรับยาไปแล้ว 3 ชม. ชายหนุ่มก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง แขนขาของเขาไม่รู้สึกอ่อนเปลี้ยอีก ขณะที่ระดับโพแทสเซียมในเลือดของเขาก็กลับสู่ระดับปกติ

ปกติแล้ว โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก ในเซลล์กล้ามเนื้อของเราล้วนมีโพแทสเซียมอยู่ราว 80% ถ้าหากร่างกายขาดโพแทสเซียมเมื่อไหร่ ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า Hypokalemia หรือภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ซึ่งหากระดับโพแทสเซียมในเลือดลดลงมาก ก็จะส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เกิดเป็นอาการที่พบได้ยากมาก เรียกว่า Thyrotoxic Periodic Paralysis (TPP) หรือการเป็นอัมพาตเนื่องจากภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ

ภาวะ TPP นี้มักจะพบร่วมกับภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ จะทำให้ช่วงขาอ่อนเปลี้ย มีอาการเป็นอัมพาตแบบกะทันหัน และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการก็ยิ่งหนักและลุกลามไปยังระบบหายใจ อาจทำให้ร่างกายหยุดหายใจได้ เพราะโพแทสเซียมในเลือดมีน้อยเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

หลังจากที่ทีมแพทย์ตรวจต่อมไทรอยด์ของคนงานหนุ่มด้วยวิธีอัลตราซาวด์ก็พบว่าคนไข้หนุ่มในกรณีนี้มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ได้ตรวจพบมาก่อน ซึ่งไปส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์ เรียกว่าโรคเกรฟส์ (Graves’ disease) หรือโรคภูมิแพ้ตัวเองซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป 

โรคเกรฟส์นี้มีแนวโน้มว่าจะสืบทอดทางพันธุกรรมได้ เป็นโรคที่พบได้ยาก โดยมีชาวอเมริกันเพียง 1.2% เท่านั้นที่ป่วยเป็นโรคนี้ 

อาการสำคัญ ๆ ของโรคเกรฟส์ได้แก่ มือสั่นอย่างเห็นได้ชัด, น้ำหนักตัวลดลง, นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท, ต่อมไทรอยด์โต รวมถึงภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ

สำหรับคนไข้ในกรณีศึกษาครั้งนี้เลือกการรักษาโรคเกรฟส์ด้วยการผ่าตัดนำต่อมไทรอยด์ออกไปทั้งหมด เนื่องจากอาการป่วยของเขารุนแรงมากและเสี่ยงต่อการเสียชีวิต นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเขา

หลังจากผ่าตัดแล้ว ชายหนุ่มจะต้องกินฮอร์โมนสังเคราะห์ Levothyroxine  เพื่อทดแทนไทรอยด์ในร่างกายที่ขาดหายไปเนื่องจากไม่มีต่อมไทรอยด์แล้ว จากนั้นก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ที่มา : miamiherald.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES