เมื่อวันที่ 1 พ.ค. พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุแทงกันตายในบ้านพักพื้นที่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.มหาราชฯ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ห้องแถว 2 ชั้น ภายในห้องบนชั้น 2 ของบ้าน พบศพ น.ส.ศิริพร (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือด มีบาดแผลถูกมีดปลายแหลมแทงตามร่างกายหลายแห่ง นอกจากนี้ยังพบร่องรอยต่อสู้ ข้าวของและเงินสดกระจัดกระจายเต็มไปหมด จึงนำศพส่ง รพ.มหาราช ให้แพทย์นิติเวชตรวจชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นฝีมือ นายฌานุสิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี สามีผู้เสียชีวิต ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้การอ้างว่า ตนอยู่กินกับผู้ตายจนมีลูก 3 คนแต่เลิกรากันแล้ว เนื่องจากทนพฤติกรรมของฝ่ายหญิงไม่ไหว เนื่องจากผู้ตายมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับผู้ชายอื่นอีก 2-3 คน ขณะเกิดเหตุลูก 2 คนอยู่ในบ้าน แต่อยู่กันอีกห้องหนึ่ง ที่ผ่านมาตนให้อภัยผู้ตายเรื่องชู้สาวและพยายามอยู่กันไปแบบช่วยๆ กันเลี้ยงลูก โดยมีเป้าหมายจะแยกไปอยู่กับลูกๆ แล้วยกบ้านหลังนี้ให้ผู้ตายอยู่กับชายอื่นตามต้องการ ล่าสุดตนขายที่สวนผลไม้ได้เงินมา 3.5 ล้านบาท จึงเอาเงินฝากไว้เพื่อจะเก็บเป็นทุนการศึกษาให้ลูก แต่พอขอเงินคืนผู้ตายกลับบอกว่า “…กูไม่ให้…มึงโง่เอง กูเอาเงินไปให้แฟนใหม่หมดแล้ว…” นั่นจึงเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ตนโกรธจนขาดสติ ฉวยมีดปอกผลไม้เข้าไปกระหน่ำแทงจนภรรยาเสียชีวิต พอได้สติก็รีบโทรฯ แจ้งตำรวจยืนรอมอบตัวดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัว นายฌานุสิษฐ์ ไปยังโรงพักพร้อมแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่เชื่อในคำให้การของผู้ก่อเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการเอาเงินจำนวนมากไปฝากไว้กับภรรยา ทั้งที่รู้ว่าภรรยาอาจเอาเงินไปให้ผู้ชายอื่น ซึ่งก็ต้องไปติดตามดูว่าเงินจำนวน 3.5 ล้านมีจริงหรือไม่ หรือไปอยู่ในบัญชีใคร รวมทั้งปมความแค้นอื่นที่ผู้ก่อเหตุลงมือสังหารผู้ตาย.