สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ผู้นำโคลอมเบีย กล่าวว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เนื่องจากรัฐบาลโบโกตาไม่สามารถยอมรับ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการขุดรากถอนโคนประชาชนเชื้อชาติหนึ่งให้หมดไปได้อีก” และกล่าวด้วยว่า อิสราเอล “มีผู้นำที่กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มวลมนุษย์”


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า ผู้นำโคลอมเบีย “มีจุดยืนเกลียดชังและต่อต้านชาวยิว” การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลโบโกตา “ไม่ต่างอะไรกับการตบรางวัลให้กลุ่มฮามาส” และประวัติศาสตร์จะจดจำเปโตรไว้แบบนี้ตลอดไป
ด้านกลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ชื่นชมผู้นำโคลอมเบีย และเรียกร้องประเทศอื่นในลาตินอเมริกาให้ปฏิบัติตาม


อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับโคลอมเบียตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 อิสราเอลประกาศระงับ “การส่งออกที่เกี่ยวกับความมั่นคง” ให้แก่โคลอมเบีย เพื่อประท้วงกรณีเปโตรวิจารณ์ นายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กระทรวงกลาโหมอิสราเอล ว่าพูดถึงชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา “แบบเดียวกับที่นาซีพูดถึงชาวยิว”


หลังจากนั้น รัฐบาลโบโกตาตอบโต้ทางการทูต ด้วยการประกาศให้อิสราเอลเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำโคลอมเบียกลับ ตามด้วยการระงับซื้ออาวุธของอิสราเอล หลังเกิดเหตุชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเสียชีวิต ระหว่างการรอรับอาหารจากขบวนรถบรรเทาทุกข์ ในฉนวนกาซา เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : AFP