หลังจากธนาคารพาณิชย์ ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยล่าสุดได้มีเกณฑ์คนได้สิทธิ และเงื่อนไข รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ว่าใครบ้างมีสิทธิในการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยแบบอัตโนมัติ ผู้ที่ได้สิทธินี้ไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ

สำหรับรายละเอียด เงื่อนไข การลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ดังนี้

  • ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% สำหรับเงินกู้ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME รายย่อย เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-15 พฤศจิกายน 2567
    เงื่อนไข เกณฑ์ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องเป็นลูกค้ากลุ่มเปราะบางใช้อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ MLR ได้แก่
    1. ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท
    2. ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน)
  • ธนาคารกสิกรไทย ปรับลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 0.25% สำหรับเงินกู้ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งลูกค้าบุคคลและ SME ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567
    เงื่อนไข เกณฑ์ธนาคารกสิกรไทย 2 กลุ่ม ได้แก่
    1. ลูกค้าบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อบ้าน” หรือ “สินเชื่อบ้านช่วยได้” ที่มีวงเงินอนุมัติรวมกับธนาคารกสิกรไทย ไม่เกิน 2,000,000 บาท ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด
    2. ลูกค้า SME ที่มียอดค้างชำระเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับธนาคารกสิกรไทย รวมกันแล้วไม่เกิน 2,000,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

“ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มที่จะได้รับความช่วยเหลือ ต้องมีสถานะหนี้เป็นปกติ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการอื่นๆ ของธนาคาร นอกจากนี้ ถ้าลูกค้ากลุ่มเปราะบางใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อ SME และเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะได้รับการลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ การคัดเลือกลูกค้าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด”

  • ธนาคารกรุงไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-15 พฤศจิกายน 2567
    เงื่อนไข เกณฑ์ธนาคารกรุงไทยให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่
    1. ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล
    2. ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท
    3. ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปีสำหรับอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567-15 พฤศจิกายน 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน
    เงื่อนไข เกณฑ์ธนาคารทหารไทยธนชาต ได้แก่
    1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท
    2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท

“มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติโดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ”

  • ธนาคารกรุงเทพ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือนสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SME เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 – 15 พฤศจิกายน 2567
    เงื่อนไข เกณฑ์ธนาคารกรุงศรีฯ ได้แก่
    1.ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นลูกค้าปัจจุบันที่มีวงเงินอนุมัติรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน (ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด)
    2.ลูกค้าผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นลูกค้าปัจจุบันครอบคลุมทั้งที่เป็นลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล ที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน (ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด)

“ลูกค้าต้องมีบัญชีสถานะปกติ (ไม่มีการค้างชำระ) ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน โดยการคัดเลือกลูกค้าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด”