เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2567 สตานิสลาฟ เนียตทิซอฟ โดนคนทำร้ายร่างกายที่ป้ายรถเมล์กลางกรุงมอสโกแห่งรัสเซีย ระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน นอกจากเขาจะโดนทำร้ายจนฟันหักแล้ว คนร้ายยังขโมยโทรศัพท์มือถือของเขาไปด้วย
แต่เมื่อ เนียตทิซอฟ เข้าไปแจ้งความที่กระทรวงกิจการภายในประจำเขตทเวร์สคอฟในวันต่อมา เขาก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะแทนที่เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องแจ้งความของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย พวกเขากลับไปให้ความสนใจเรื่องสีผมของเขาแทน
เนียตทิซอฟ ย้อมผมทั้งหมด 3 สีคือสีฟ้า, เหลืองและเขียว แต่เพราะผมของเขามีสีฟ้าและเหลืองที่เด่นชัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมองว่าเขาต้องการสื่อความหมายในเชิงสนับสนุนยูเครน เนื่องจากสีธงชาติของยูเครนคือสีฟ้าและเหลือง และยังตีความในเชิงลบว่าชายหนุ่มต้องการต่อต้านกองทัพรัสเซียซึ่งมีบทลงโทษตามกฎหมาย
ต่อมา เนียตทิซอฟ ได้ให้สัมภาษณ์องค์กรสิทธิมนุษยชน OVD-Info ของรัสเซียว่า ตำรวจได้เขียนรายงานว่าเขา “ก่ออาชญากรรม” และนำตัวเขาไปพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นก็ส่งตัวเขาไปยังสำนักงานขึ้นทะเบียนและเกณฑ์ทหารของกองทัพ พร้อมกับแจ้งว่าจะ “จัดหนัก” ให้เขารู้จักรักบ้านเกิดตัวเอง
ด้านศาลของรัสเซียนั้น เมื่อพิจารณาว่า การแสดงออกใด ๆ ก็ตามที่สามารถสื่อความหมายว่าเป็นการต่อต้านสงคราม ถือว่าเป็นการด้อยค่ากองทัพ ซึ่งจัดว่าเป็นอาชญากรรมในประเทศรัสเซีย ผู้กระทำผิดจะต้องโดนปรับเงินโดยค่าปรับสูงสุดอยู่ที่ 50,000 รูเบิล (ราว 20,075 บาท) และมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ถ้าหากกระทำผิดซ้ำ
ที่มาและเครดิตภาพ : klikoje.info, odditycentral.com