กรณีการตรวจสอบ 8 โปรเจกต์ยักษ์ โครงการก่อสร้างตลิ่งป้องกันน้ำท่วมเพื่อพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เกิดปัญหาผู้รับเหมา 2 รายใหญ่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับงานมาตั้งแต่ปี 2562-2565 พบว่าก่อสร้างไม่เสร็จ มีการขยายสัญญาให้ค่าปรับเป็น 0 บาท แต่ก็ยังไม่ทำการก่อสร้าง ซึ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นติดตามแก้ปัญหาที่ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 และอีกครั้งในปี 2567 ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ผู้รับเหมา 2 หจก. ไม่ก่อสร้างมีพฤติกรรมทิ้งงาน สร้างปัญหาให้กับประชาชน และมีคำสั่งยกเลิกงานกับ 2 หจก.จะมีผลให้ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ห้ามประมูลงานกรมโยธาฯ และทุกส่วนราชการ และต้องจ่ายค่าเสียหายตามกฎหมายกำหนด ที่ชาวบ้านยังรอฟังการแถลงเป็นรายลักษณ์อักษรจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ด่วน!! “กรมโยธาธิการฯ” ลงดาบสั่งยกเลิกสัญญาโครงการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนและกลุ่มตัวแทนชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เริ่มใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เนื่องจากมีกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของผู้รับเหมาขาใหญ่ เข้ามาดูพื้นที่และอ้างว่าจะทำงานใหม่ บางพื้นที่มีการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรเข้ามา ทำให้สงสัยว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ยกเลิกการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ทั้ง 8 โครงการจริงหรือไม่ ทำให้ชาวบ้านยังคงเฝ้ารอเอกสารคำชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษรเพื่อความสบายใจ และพร้อมเคลื่อนไหวทันทีหากไม่มีการยกเลิกโครงการเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจริง

นายประหยัด เรเชียงแสน ข้าราชการบำนาญ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อน จากโครงการวางระบบป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้เห็นรถแบ๊กโฮมาจอดที่หน้าบ้านเพิ่มอีก 1 คัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีผู้รับเหมานำมาจอดทิ้งไว้นานแรมปี โดยไม่เคลื่อนย้ายไปไหน เป็นเหมือนหนามทิ่มตำใจให้ตนและชาวบ้าน รวมทั้งผู้ประกอบการในย่านนี้เจ็บปวดใจ เพราะทั้งกีดขวางหน้าร้านและกีดขวางการจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จะค้าขายหรือจะปลูกสร้างห้องแถวก็ไม่ได้ เพราะมีรถแบ๊กโฮ กองวัสดุและท่อระบายน้ำ วางระเกะระกะเต็มไปหมด และหลังจากมีข่าวว่ามีคำสั่งยกเลิกงานแล้ว กลับมีรถแบ๊กโฮมาจอดเพิ่มอีก 1 คัน ทำให้ตนและชาวบ้านเกิดความสงสัยและไม่สบายใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

นายประหยัด กล่าวอีกว่า เพราะเท่าที่ทราบ อธิบดีกรมโยธาฯ ได้พูดไว้ชัดเจนในวันที่มาลงพื้นที่ดูปัญหาด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่าทางกรมโยธาฯ จะยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมารายเดิมที่มีปัญหาทิ้งงาน แต่คนงาน 2 คน อ้างว่าเป็นคนงานของบริษัทรับเหมา บอกว่าจะมาทำงานต่อ และต่อมาได้นำรถแบ๊กโฮมาจอดหน้างาน จากนั้นเคลื่อนรถแบ๊กโฮไปขุดเปิดทางน้ำริมถนนเยื้องห้างโลตัส ก่อนที่จะจอดทิ้งไว้อีก พฤติกรรมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมากว่า 1 ปี ที่พอมีการร้องเรียนหรือออกข่าวที ก็จะมีคนงานมาขับรถแบ๊กโฮไปทำงาน ขุดดินได้งานนิดหน่อยก็จอดนิ่งอีก จึงทำให้ตนและเพื่อนบ้านมึนงงและสับสนไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงได้แจ้งเหตุการณ์ให้ทางเครือข่ายธรรมาภิบาลกาฬสินธุ์ได้ทราบเรื่อง เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนต่อไป

นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริต ป.ป.ท.เขต 4 ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะ กธจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่ามีรถแบ๊กโฮเข้ามาจอดและทำงานหน้างานโครงการก่อสร้าง งบ 148 ล้าน และทั้งหมด 8 โครงการที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นช่วงที่รอความชัดเจนจากทางกรมโยธาฯ ว่าจะประกาศยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมาทั้ง 2 รายจริงหรือไม่ ตนและเครือข่ายธรรมภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมการตรวจเช็กและสอบถามไปทางสำนักงานโยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ และเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ก็ได้ทราบคำตอบว่า ตามที่มีรถแบ๊กโฮมาทำงาน ที่บริเวณถนนพร้อมพรรณนั้น เป็นการดำเนินการแก้ไขเฉพาะหน้า เพื่อบรรเทาปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่นับจากนี้เพื่อรอความชัดเจน เครือข่าย ป.ป.ท.ภาค 4 ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จะลงพื้นที่เก็บข้อมูลปริมาณงานในการเบิกจ่ายของแต่ละโครงการเพื่อเตรียมข้อมูลให้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ กมธ.ป.ป.ช.-ปปง. และ กมธ.การเงินการคลัง ทำการตรวจสอบต่อไป

ขณะที่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาที่ จุดบริการประชาชนตู้ยามบัวบาน ถนนสายปากทาง-เขื่อนลำปาว พ.ต.อ.ภาสกร มหาวงค์นันท์ ผกก.สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้ พ.ต.ท.นวรัตน์ โคตรแสนเมือง สวป. นำข้าราชการตำรวจ สภ.นากุง 13 นาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ป้องกันการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติด สิ่งของผิดกฎหมาย ป้องกันวัยรุ่นมั่วสุมนำรถจักรยานยนต์ดัดแปลงแต่งซิ่งมาใช้ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้อื่น รวมทั้งตรวจค้นบุคคลแปลกหน้า การป้องกันการพกพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยเฉพะในช่วงนี้ ประชาชนได้ออกมาเรียกต่อสู้ทวงคืนความเป็นธรรมเงินภาษีประชาชนในการก่อสร้างตลิ่งป้องกันน้ำท่วมและกรมโยธาธิการฯ กำลังดำเนินการยกเลิกสัญญา จึงทำให้ผู้สูญเสียผลประโยชน์ไม่พอใจเริ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่

พ.ต.ท.นวรัตน์ โคตรแสนเมือง สวป.สภ.นากุง กล่าวว่า ตามนโยบาย พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ที่มีมาตรการป้องกันเหตุร้าย การก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ ให้โรงพักทั้ง 23 สถานี ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการป้องกันรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน สำหรับ สภ.นากุง ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภาสกร มหาวงค์นันท์ ผกก.สภ.นากุง จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตั้งจุดสกัดและอำนวยความสะดวกในคืนนี้ เบื้องต้นผลการตรวจสอบ พบว่ามีนักท่องเที่ยว คนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อาจจะมีผู้ไม่หวังดี หรือมิจฉาชีพ แฝงตัวเข้ามาสร้างสถานการณ์ หรือฉวยโอกาสก่อเหตุอาชญากรรมก็อาจเป็นไปได้ เพื่อความไม่ประมาทและให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ ว่าได้รับการคุ้มกันภัยอย่างทั่วถึง ครอบคลุมที่สุด นอกจากจะมีการตั้งด่านจราจรและคนสัญจรที่เข้ามาในพื้นที่ ทั้งภาคกลางวันและกลางคืนแล้ว ยังได้เคาะประตูบ้าน ร้านค้า สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านและผู้ประกอบการร้านค้าอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบเหตุผิดปกติ ทั้งนี้ หากผู้นำชุมชน ประชาชน พบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย มีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาในชุมชน สามารถแจ้งที่ 191 หรือโทร. 0-4384-0977 เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มาตรวจสอบทันที