สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่า เครื่องบินรบของกองทัพอิสราเอล โจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายหลายแห่งในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลกล่าวว่า “เป็นการโจมตีแบบจำกัดวง” แต่กลุ่มฮามาสกล่าวว่า “สถานการณ์จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น”


สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นาน หลังสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ว่าหากอิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ในเมืองราฟาห์ สหรัฐจะยุติการมอบความสนับสนุนด้านอาวุธให้กับอิสราเอล

ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากเมืองราฟาห์ ในภาคใต้ของฉนวนกาซา


ทั้งนี้ มีรายงานว่าสหรัฐระงับการส่งระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ หรือราว 907 กิโลกรัม จำนวน 1,800 ลูก และระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ หรือราว 226 กิโลกรัม จำนวน 1,700 ลูก ให้แก่อิสราเอลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลเทลอาวีฟ “ไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องได้อย่างเต็มที่” ต่อการที่สหรัฐแสดงความวิตกกังวล เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินของอิสราเอล ในเมืองราฟาห์


นอกจากนี้ รัฐบาลวอชิงตันมีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบเป็นวงกว้าง ที่จะเกิดขึ้นกับพลเรือนในฉนวนกาซา จากการที่อิสราเอลใช้ระเบิดขนาดยักษ์ด้วย โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามในฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ที่สหรัฐระงับการส่งออกอาวุธบางอย่างให้แก่อิสราเอล

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า อิสราเอลพร้อมเดินหน้าปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ “ด้วยตัวเอง” โดยไม่ได้กล่าวถึงสหรัฐ ด้านนายกิลาด เออร์ดัน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของไบเดน “น่าผิดหวังอย่างมาก”


ส่วนอียิปต์และกาตาร์ซึ่งเป็นสองประเทศหลัก ที่ทำหน้าที่คนกลางในการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เพื่อยุติสงครามซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 ยืนยันว่า การหารือยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่การเจรจารอบล่าสุดเป็นเวลาสองวัน ที่สิ้นสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยุติโดยไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจน.

เครดิตภาพ : AFP