เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทำกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า ‘ส่องไฟให้ทางประชาธิปไตย’ มีมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยมีการเขียนข้อความระบายความรู้สึกบนผ้าแดง ก่อนจะเริ่มเดินขบวนไปตามถนนพระรามที่ 1 พร้อมกับการส่องไฟฉายเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ รวมทั้งปราศรัยไปตลอดเส้นทาง จนไปถึงหน้าวัดปทุมวนาราม กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้แวะทำกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงวีรชนที่สูญเสียจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงปี 2553 ในยุครัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสื่อให้เห็นว่า พวกเขายังไม่ได้รับความยุติธรรม เป็นสิ่งที่จะลืมไม่ได้ จากนั้นจึงเดินขบวนต่อไปยังแยกราชประสงค์

โดย นายอัลเจลโลว์ สาธร หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ กล่าวว่า การทำกิจกรรทในวันนี้เพื่อมากดดันพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่เริ่มเห็นสัญญานการจับมือกับฝ่ายเผด็จการ จึงต้องออกมากดดันเพื่อให้พวกเขาเห็นว่าฝ่ายเผด็จการ เคยทำอะไรกับฝ่ายประชาธิปไตยไว้บ้าง และวันนี้ที่เลือกเส้นทางจาก แยกปทุมวัน ไป แยกราชประสงค์ เพื่อจะได้ผ่านวัดปทุมฯ และจะใช้โอกาสนี้ในการรำลึกถึงคนเสื้อแดงปีที่เสียชีวิตจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2553 และอยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย คิดถึงวีรกรรมของฝ่ายเผด็จการ รวมถึงหันมาร่วมมือกับพรรคก้าวไกล

ส่วนการทำกิจกรรมการส่องไฟนั้น ต้องการจะสื่อว่า ในตอนนี้พรรคการเมืองเสียอุดมการณ์ที่สัญญาไว้กับประชาชน เริ่มลืมสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน จึงถึงเวลาของแนวร่วมจะต้องมาค้นหาความจริง ว่าทำไมสถานการณ์ถึงเปลี่ยนไป เพราะพรรคเพื่อไทยเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอดทั้งปี 49 และ ปี 57 น่าจะเข้าใจการอยู่ภายใต้เผด็จการ แต่ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะลืมทุกอย่าง ทั้งนี้ก็ยังมีความหวังให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนใจ ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีก็อยากจะมีโอกาสได้พูดคุยและทำกิจกรรมเพื่อกดดันพรรคเพื่อไทย ส่วนประเด็นที่ว่า หากพรรคเพื่อไทยยังยืนยันจับมือกับเผด็จการ จะยกระดับการชุมนุมหรือไม่อย่างไรนั้น ยังตอบไม่ได้ว่าจะยกระดับอย่างไร แต่เชื่อว่าจะมีผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นเพราะรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยไม่กลับมาจับมือกับก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไร นายอัลเจลโลว์ กล่าวว่า จนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ก็จะยังคงกดดันต่อไป พร้อมย้ำว่า ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็จะยกระดับการชุมนุม แต่ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบของกิจกรรม แต่ยืนยันว่าจะยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนวันโหวตนายกจะไปเคลื่อนไหวหรือไม่ ให้รอติดตามการนัดหมายอีกครั้ง

นายแอลเจโล ยังกล่าวถึงกรณี “ตะวัน” หรือ “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” นักกิจกรรมการเมือง ถูกบุคคลปริศนาใช้ก้อนหินขนาดใหญ่โยน/ทุบใส่บริเวณกระจกหน้ารถว่ายังไม่มีโอกาสได้คุย ยอมรับมีความเป็นห่วงเพราะเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้ มองว่าเป็นการคุกคาม ทำลายทรัพย์สิน กลัวจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และอาจรุนแรงมากกว่านี้ เพราะเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งอื่นๆ.