เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นว่า ปกติเมื่อมีการฉีดวัคซีนจำนวนมากจะพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ต้องขอย้ำอีกครั้งว่าการเสียชีวิตนั้นไม่ได้เป็นการเสียชีวิตจากวัคซีน ซึ่งรอบนี้ผ่าศพพิสูจน์ทุกราย ส่วนใหญ่ญาติให้ความร่วมมือค่อนข้างดีภาพรวมประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 55 ล้านโด๊สพบยืนยันการเสียชีวิตจากวัคซีน หรือน่าจะเกิดจากวัคซีนมีเพียง 2 รายดังนั้นเมื่อเทียบการเสียชีวิตจากวัคซีน 2 รายกับการฉีด 50 ล้านโด๊สถือว่าค่อนข้างต่ำมาก หากพบความผิดปกติอาจเกิดจากความผิดปกติของรุ่นการผลิตต้องหยุดการฉีดวัคซีนรุ่นนั้น แต่หากเกิดจากวัคซีนจริงๆอาจให้หยุดทั้งหมด ทั้งหมดต้องฟังคณะกรรรมการที่มีการวิเคราะห์ตรวจสอบอย่างเข้มงวด

“หลายรายที่ระบุว่าเสียชีวิตจากวัคซีนแต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เกี่ยวกับวัคซีน ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้ มันก็เกิด เช่นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ฉีดไปแสนกว่าคน พบ 4 คนซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างสหรัฐอเมริการายงานพบ 6 ในแสนคน ถือว่าปกติไม่ต้องหยุดและ 4 รายได้รับการดูแล หายเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม อาการรุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้ เมื่อฉีดเยอะๆมีโอกาสเกิดได้ในวงการวัคซีนเข้าใจกันดี แต่ต้องติดตามไม่ให้มีความผิดปกติมากเกินไป ต้องเทียบประโยชน์กับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น” นพ.โอภาส กล่าว

นอกจากนี้ นพ.โอภาส สรปุภาพรวมประเทศไทยฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 55,150,481 โด๊ส แบ่งเป็นเข็มที่หนึ่ง 32,987,918 รายคิดเป็น 45.8 % เข็มสอง จำนวน 20,696,791 ราย คิดเป็น 28.7% และเข็มสามจำนวน 1,465,772 ราย คิดเป็น 2% ทั้งนี้ คาดประมาณจำนวนวัคซีนที่จะฉีดในปี 2564-2565 คือ ปี 2564 ราว 119-120 ล้านโด๊ส เป็นเข็มหนึ่งจำนวน 60 ล้านโด๊ส เข็มที่สองจำนวน 52 ล้านโด๊ส และเข็มที่สามจำนวน 7 ล้านโด๊ส

ส่วนปี 2565 เข็มที่หนึ่งจำนวน 6 ล้านโด๊ส ในกลุ่มเด็กอายุ 3-11 ปี ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้การรับรองให้ฉีดได้ แต่คาดว่าน่าจะมีการรับรองในเร็วๆ นี้ เข็มที่สองจำนวน 52 ล้านโด๊ส โดยเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในปี 2564 จำนวน 8 ล้านโด๊ส และเข็มสอง ของเด็กอายุ 3-11 ปี และเข็มที่สาม จำนวน 66 ล้านโด๊สเป็นผู้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป.