นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการขยะในโครงการ “ไม่เทรวม” บริเวณตลาดคลองเตย เขตคลองเตย พร้อมด้วยนางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตยว่า การมาเยี่ยมชมการบริหารจัดการขยะ บริเวณตลาดคลองเตยวันนี้ เป็นการเยี่ยมชมการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ใช้จ่ายเงินในการบริหารจัดการขยะจำนวนมากกว่า 16,000 ล้านบาทต่อปี การบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง จะสามารถลดงบประมาณในการบริหารจัดการขยะได้ ซึ่ง กทม. จะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในส่วนอื่นได้

นายเอกวรัญญู กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ คือที่การที่เราพาไปชมตั้งแต่จุดเริ่มต้นและจุดท้ายที่สุดของการบริหารจัดการมูลฝอยประเภทเศษอาหาร ผ่านโครงการไม่เทรวม ปีที่แล้วกรุงเทพมหานครสามารถประหยัดงบประมาณไปได้มากกว่า 141 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณส่วนนี้สามารถนำไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา และสาธารณสุขได้ อีกประการหนึ่งโครงการไม่เทรวมนั้น ยังทำให้การคัดแยกขยะประเภทอื่น ๆ ง่ายขึ้น เนื่องจากมีการคัดแยกขยะเปียก ซึ่งจะทำให้ขยะประเภทอื่นปนเปื้อนน้อยลง ขอย้ำไปยังประชาชนทุก ๆ ท่านว่า เมื่อท่านคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง กทม. จะ “ไม่ เท รวม”

ด้าน นางเบญญา อินทรวงศ์โชติ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย กล่าวถึงการบริหารจัดการขยะในตลาดคลองเตยว่า อันดับแรกต้องขอขอบคุณตลาดคลองเตยและภาคีเครือข่ายภาคเอกชนหลาย ๆ เจ้าที่ให้การสนับสนุนการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทาง โดยขยะประเภทเศษผักที่เขตคลองเตยรวบรวมจากตลาดคลองเตย ได้วันละประมาณ 18 ตัน จะนำไปผลิตปุ๋ยหมักที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ก่อนนำมาหมุนเวียนใช้และแจกจ่ายในสวนสาธารณะ

จากนั้น ได้ลงพื้นที่ บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ถนนพระราม 3 เขตคลองเตย ซึ่งเป็นจุดสำหรับนำปุ๋ยหมักมาพักรอไว้ใช้ในสวนสาธารณะ

สำหรับประชาชนสามารถเริ่มแยกขยะง่าย ๆ โดยใส่ถุงขยะแยกประเภท หรือใส่ถุงดำพร้อมเขียนข้อความระบุประเภทขยะไว้บนถุง ดังนี้

• ขยะเศษอาหาร เช่น เศษผักผลไม้ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์

• ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร ซองบะหมี่ ถุงขนม กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

• ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย ยาหมดอายุ กระป๋องสเปรย์ ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ

• ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ