นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการ และมอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือเปิดภาคเรียนประจำปีการศึกษา 67 ในวันที่ 16 พ.ค. 67 เพื่ออำนวยความสะดวกและบริการด้วยความปลอดภัยให้กับนักเรียน และผู้ปกครอง และให้เพียงพอต่อการเดินทาง รวมถึงบริหารการจราจรในโครงข่ายคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดด้วย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริหารจัดการในการเดินรถ เพื่อรองรับการเปิดเทอม แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการเดินรถ โดยจัดให้มีรถวิ่ง 17,500 เที่ยว/วัน (โดยประมาณ)

พร้อมทั้งเตรียมรถไว้ให้บริการ 2,400 คัน อีกทั้งให้เพิ่มความถี่การเดินรถในชั่วโมงเร่งด่วน แบ่งเป็น ในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น. ระยะความถี่เฉลี่ย 7-12 นาทีต่อคัน และในช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. ระยะความถี่เฉลี่ย 10-15 นาทีต่อคัน รวมถึงเพิ่มการเดินรถบางช่วงที่มีความต้องการในการเดินทางสูง, 2.ด้านความปลอดภัยในการให้บริการ โดยจัดให้มีนายตรวจพื้นที่ และสายตรวจพิเศษ พร้อมทั้งหัวหน้างานผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ เพื่ออํานวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการบริเวณหน้าโรงเรียนสถานศึกษา และจุดเชื่อมต่อการเดินทาง อาทิ รถเมล์-รถไฟฟ้า หรือเรือ-รถเมล์ ให้บริการมากกว่า 20 จุด ในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เดอะมอล์บางกะปิ แยกบางนา เซ็นทรัลปิ่นเกล้า สวนจตุจักร ตลาดมีนบุรี ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ แยกลำสาลี และตลาดคลองเตย เป็นต้น
และ 3.ด้านความพร้อมของรถเมล์ พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร โดยกําชับบริษัทผู้บํารุงรักษาให้ดําเนินการตรวจสอบสภาพรถเมล์ให้มีความพร้อมก่อนออกให้บริการ เพื่อรองรับการให้บริการช่วงเปิดเทอมและเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ฤดูฝน อีกทั้งกําชับการตรวจร่างกาย เพื่อความพร้อมของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารก่อนออกให้บริการทุกวัน รวมถึงกําชับพนักงานขับรถ ให้จอด รับ-ส่งผู้โดยสารบริเวณจุดจอดป้ายรถเมล์เท่านั้น และกําชับให้พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารตรวจสอบความปลอดภัยการขึ้น-ลงรถของผู้โดยสารก่อนเปิด-ปิดประตู และออกเดินรถ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จัดผู้ตรวจการณ์กำกับดูแลความเรียบร้อยในบริเวณป้ายรถประจำทางใหญ่ รวมทั้งบริเวณโรงเรียน และสถานศึกษาที่มีการจราจรหนาแน่น สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด รวมถึงภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดเดินรถไฟฟ้าให้เพียงพอ และอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยโดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมทั้งตรวจเช็กรถทุกขบวนให้พร้อมให้บริการทั้งในส่วนของรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) และ MRT สายสีชมพู รวมถึงรถไฟชานเมืองสายสีแดงของบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) สำหรับมาตรการรองรับนั้น รฟม. ได้ร่วมกับผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนใช้บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT ประเภทบัตรนักเรียน/นักศึกษา เพื่อรับส่วนลดค่าเดินทาง และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการพร้อมกำชับผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ามหานครจัดเจ้าหน้าที่ประจำสถานีอำนวยความสะดวกในการใช้บริการทุกแห่ง ประกอบกับจัดรถไฟฟ้าขบวนเสริม เพื่อรองรับกรณีที่มีผู้ใช้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ให้เร่งดำเนินการคืนพื้นผิวจราจรตามแนวสายทางของรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง และสายสีชมพูให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากปัจจุบันยังมีการดำเนินงานตามโครงการของหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่นๆ อยู่ในบางพื้นที่และอาจส่งผลกระทบต่อผู้สัญจรทางถนน พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพถนนตามแนวทางให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้สัญจร สำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) นั้น ขณะนี้ รฟม. ได้เข้ากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างให้อยู่ในสภาพสะอาดเรียบร้อย และปลอดภัยมากที่สุด
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า มอบหมายให้ รฟม. ประสานให้ผู้รับจ้างดำเนินการซ่อมแซมผิวจราจรที่เป็นหลุมเป็นบ่อหรือพื้นผิวไม่เรียบอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของประชาชน พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าจัดเจ้าหน้าที่อาสาจราจร เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้เส้นทาง พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์เคลื่อนย้ายรถ ในกรณีมีรถจอดเสีย เพื่อแก้ไขปัญหา รถติดอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ได้สั่งการให้ รฟม. เข้ากำกับดูแลให้ผู้รับจ้างก่อสร้างดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำ และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ก่อสร้างเพื่อเร่งบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในกรณีที่มีฝนตกหนัก พร้อมทั้งให้ประสานงานกับโครงการรถไฟฟ้าประชาสัมพันธ์การปิดเบี่ยงจราจรตามแนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าผ่านสื่อมวลชน วิทยุจราจรเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กโครงการรถไฟฟ้า รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แจกแผ่นพับแก่ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนตามแนวก่อสร้าง

ขณะที่กรมเจ้าท่า (จท.) มอบหมายให้จัดผู้ตรวจการประจำท่าเรือทุกท่าเรือ ทั้งท่าเรือในกรุงเทพมหานครท่าเรือแม่น้ำ และท่าเรือคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองอื่น ๆ และท่าเรือต่างจังหวัด โดยกำกับดูแลความปลอดภัยของเรือโดยสารไม่ให้บรรทุกผู้โดยสารเกิน ซึ่งจะมีเด็กนักเรียนเพิ่มเข้ามาอีกจำนวนมาก รวมทั้งความมั่นคงแข็งแรงของท่าเรือ และโป๊ะเรือบริเวณท่าเรือข้ามฟาก และเรือด่วนในบริเวณที่นักเรียนโดยสารทางเรือ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้สำรองเรือโดยสารเพิ่มเติมในกรณีผู้โดยสารมีมากกว่าปกติ
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) สำนักงานขนส่งจังหวัดและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ร่วมกับตำรวจจราจรในพื้นที่ อำนวยความสะดวกการจราจร และความปลอดภัยแก่นักเรียนบริเวณหน้าโรงเรียนในเขตเมือง และเทศบาลในเขตความรับผิดชอบ พร้อมทั้งกำกับการจราจรบนทางพิเศษ และทางพิเศษระหว่างเมืองในเส้นทางหลักเข้าสู่กรุงเทพฯ อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ดูแลการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางไม่ให้มีการจราจรแออัด ในส่วนของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ให้ช่วยอำนวยความสะดวกการเดินทางของเด็กนักเรียนที่เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ.