เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ พา น.ส.กัลยา เย็นใจ มารดา ของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.จเร วิเชียรวรรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กรณีทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้า-เปลื้องผ้า ด.ช.เอ หลังไปแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำแผนกผู้ป่วยนอก หรือ “โอ พี ดี” ชั้น 1 อาคาร 3 ของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา และเรียกเด็กชายคนดังกล่าวว่า “ไอ้กุ๊ย ขยะสังคม” เพื่อเอาผิดในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

‘หมอเหรียญทอง’ จ่อเอาผิดแม่เด็ก14 อ้างไม่อบรมสั่งสอนลูก ต้นเหตุปัญหาสังคม

โดย ทนายรัชพล กล่าวว่า ตนได้มีการปรึกษากับแม่ของเด็ก 14 ปี เนื่องจากหมอคนดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่สมควร อยากเรียกร้องความเป็นธรรมและศักดิ์ศรี จึงมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งตัวหมอเองก็โตแล้ว การที่มองว่าคนกระทำความผิดเป็น “ขยะสังคม” นั้น ตนเองก็ไม่ควรที่จะทำผิดกฎหมายซะเอง ซึ่งตัวหมอเองก็ยังเป็นไอดอล ให้ใครได้อีกหลายคนด้วย

“อยากฝากว่าคุณหมอเอง น่าจะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม เพื่อให้เป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ ได้” ทนายรัชพล กล่าวและเผยด้วยว่า

ยกตัวอย่างคำว่า “ส้นตีน” ก็เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ทำให้ รู้สึกต้อยต่ำ เหยียดหยาม ส่วนคำว่า “ไอ้กุ๊ย” ตามพจนานุกรม คือ “คนเลว” ทำให้ตัวน้องรู้สึกไม่ดี ส่วนคำว่า “ขยะสังคม” ทำให้รู้สึกเป็นส่วนเกินของสังคม เรียกว่า ใส่ความผู้อื่นต่อสื่อมวลชน ต่อบุคคลที่สาม เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

“….คิดว่าควรจะพอได้แล้ว เรื่องกฎหมายก็ดำเนินการไปทั้งเรื่องยาเสพติด หรือสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ก็ควรว่ากันไปตามกฎหมาย แต่การโพสต์หรือกระทำอะไรซ้ำๆ ก็ไม่จบสิ้น โดยตัวหมอเองก็เป็นผู้ใหญ่มันคนละรุ่นกัน เด็กไม่มีปัญญาที่จะตอบโต้ ต่อสู้อะไรด้วย หากวันนี้ไม่มาแจ้งความ ก็จะมีการโพสต์ต่อว่าอีก…” ทนายรัชพล กล่าวและเผยอีกว่า

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ตนได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีใน 5 ข้อหา ซึ่งจะขอความร่วมมือกับทางตำรวจ เนื่องจากว่า การจับผู้อื่นเปลื้องผ้า มันเป็นการอนาจาร โดยราชบัณฑิตตีความไว้ และการจับแก้ผ้าจากความรู้ จะไม่โดนคดีอนาจาร แต่จะโดนเรื่องทำให้อายต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นข้อหาเบา แต่ความจริงแล้วตนเองกลับปล่อยให้คนแก้ผ้าวิ่งออกไปจาก รพ. นั้น ไม่สมควรทำ

สำหรับคดีเด็ก 14 นั้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือสูบบุหรี่และเจอยาเสพติด ต้องบอกว่าผู้เสพคือผู้ป่วย ตนได้สอบถามกับตัวเด็กบอกว่า ลองยาเป็นครั้งแรกและไม่ได้ติด ตนจึงคิดว่าทำไมไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลเรื่องนี้ หน่วยงานรัฐควรเข้ามาดูแล หากปล่อยไปจากผู้เสพอาจกลายเป็นผู้ค้า โดยเฉพาะเด็ก 14 พกซองยา แต่ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ตนจะไม่มาช่วยเรื่องนี้ หากซองยาดังกล่าวเป็นของเด็กจริง ก็ให้รับสารภาพไป ตนดูคดีเฉพาะในเรื่องทำร้ายร่างกายเด็กเท่านั้น

ทนายรัชพล กล่าวด้วยว่า หากจะโยงเรื่องการเมืองตนขอไม่ยุ่ง แต่ถ้าใครมาเรื่องการเมืองก็แล้วแต่เขา ซึ่งตัวหมอเองมีการโพสต์ว่าจะมีคนมาฆ่าในคุกนั้น ไม่เกี่ยวข้อง และไม่เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น ทางคุณหมอเองอาจจะฝันร้ายแล้วตื่นมาโพสต์ก็เป็นได้

ทนายรัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่มีการนำตัวเด็ก 14 ไปตรวจปัสาสาวะเพิ่มเติมที่ รพ.นพรัตนราชธานี เพื่อยืนยันว่ามีสารเสพติด เรื่องข้อกล่าวหานั้น ตนอยากให้ตั้งข้อหาอนาจารด้วย หากไม่ตั้งก็มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ในเว็บไซต์ราชกิจจาฯ ระบุว่า จับเปลื้องผ้า เป็นการอนาจาร อยากให้ตั้งข้อหาตามความเป็นจริง ส่วนเรื่องค่าปรับที่ รพ. อาจจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเรื่องถึงศาล จะมีการปรับลดลงมาตามสมควร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ค้นพบถุงซิปล็อกขนาดเล็กซองพลาสติกใส ภายในเป็นผงสีขาวซึ่งเด็กรับสารภาพว่า เป็นยาเสพติดของตนเองนั้น พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ได้นำซองยาเสพติดดังกล่าว ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กทม. ทำการตรวจพิสูจน์ยืนยันเพิ่มเติม รวมถึงส่งตัวเด็กไปตรวจปัสสาวะ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผล.