เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ศธ. ได้จัดโครงการเปิดภาคเรียนอย่างปลอดภัย สู่วิถีเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการหนึ่งที่มีความสำคัญในการสร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่มีหน้าที่คุ้มครอง ดูแล ช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาให้มีความประพฤติที่เหมาะสมตลอดจนศึกษาเล่าเรียนได้อย่างมีความสุข โดยได้คิกออฟเริ่มโครงการ พสน.ทำดี ทำได้ ทำทันที เพื่อเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในการออกปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนนักศึกษา (พสน.) ของ ศธ. ในพื้นที่ทุกจังหวัด ได้กำกับติดตามการดูแลนักเรียนในสังกัดอย่างปลอดภัยในทุกมิติ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย 3 ป. คือ การปลูกฝัง ป้องกัน และป้องปราม ทำให้การเปิดภาคเรียนใหม่ในปีการศึกษา 2567 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนักเรียนได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยอย่างทั่วถึง

ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวจะดูแลนักเรียนตั้งแต่การเดินทางออกจากบ้านมาโรงเรียนและหลังเลิกเรียน รวมถึงการดูแลความปลอดภัยในสถานศึกษา และภัยจากสังคมอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับนักเรียนด้วย นอกจากนี้ยังดูแลถึงภัยคุกคามด้านไซเบอร์หรือโลกออนไลน์อีกด้วย ซึ่งตนได้กำชับบทบาทของ พสน. ในเรื่องนี้ให้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือดูแลนักเรียน พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สาธารณสุขจังหวัด หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันดูแลนักเรียนไม่ให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเหตุอาชญากรรมอื่นๆ ขณะเดียวกัน พสน. จะเข้าไปช่วยสร้างองค์ความรู้และภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียนในเรื่องต่างๆ ที่ภัยสังคมด้วย เพื่อให้เด็กรู้จักวิธีคิดวิเคราะห์และมีทักษะการเอาตัวรอดให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ต่างๆ

“สำหรับการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมและแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนนั้น ขณะนี้ ศธ. ได้แจ้งหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาทุกแห่งให้กวดขันเรื่องนี้อย่างจริงจังและให้ถือว่ามีโทษความผิด หากเด็กมีบุหรี่ไฟฟ้าครอบครองไว้ในสถานศึกษา เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้เสนอปรับแก้กฎกระทรวง ศธ. ว่าด้วยเรื่องนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยการปรับแก้กฎกระทรวงฉบับดังกล่าว จะให้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในหมวดสิ่งต้องห้ามของยาเสพติด ดังนั้นหากนักเรียนมีบุหรี่ไฟฟ้าพกมาในโรงเรียนก็จะมีโทษความผิดเช่นเดียวกับยาเสพติด ขณะนี้การปรับแก้ร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นชอบแล้ว และคาดว่าภายในเดือน พ.ค. นี้ จะมีผลบังคับใช้ให้สถานศึกษายึดเป็นแนวปฏิบัติทันที” นายสุเทพ กล่าว