การประชุม “Microsoft Build” ซึ่งถือเป็นงานประชุมใหญ่ประจำปีสำหรับนักพัฒนาของไมโครซอฟท์ เป็นสิ่งที่แวดวงไอที เฝ้ารอกันว่า ปีนี้จะมีความเคลื่อนไหวอะไรใหม่ๆ บ้าง
ทางผู้บริหารระดับสูง คือ “Frank X. Shaw” ประธานฝ่ายสื่อสารองค์กร ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว Microsoft Copilot และปล่อยอัปเดตใหม่ๆ ให้กับ Copilot มากกว่า 150 รายการ และเรายังได้พัฒนาชุดบริการ Copilot ที่ต่อยอดจากประสบการณ์ของเรา มาเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ผู้ช่วยส่วนตัวของตนเองได้
นอกจากนี้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา GitHub Copilot ได้กลายเป็นเครื่องมือ AI สำหรับนักพัฒนาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุด โดยมีสมาชิกใช้งานกว่า 1.8 ล้านคน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เราได้ประกาศเปิดตัวพีซี Windows รูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ Copilot+ PC ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งาน AI ที่แปลกใหม่และแตกต่าง รองรับการทำงานบนตัวดีไวซ์โดยตรง นอกจากนี้ ฟีเจอร์เด่นมากมายที่เราเปิดตัวในงาน Build ปีนี้ ยังทำให้ Windows เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างที่สุดสำหรับ AI และเปี่ยมศักยภาพที่สุดสำหรับนักพัฒนา
ในงาน Build ปีนี้ เรายังได้ประกาศก้าวต่อไปของการปฏิวัติทางเทคโนโลยีด้วย AI โดยรวมถึง:
– แพลตฟอร์ม Microsoft Fabric ที่จะเข้ามาช่วยนักพัฒนาและลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่กำลังเคลื่อนที่หรือถูกรับส่งโดยระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อนำมาสร้างแอปที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
– โมเดล AI ระดับแนวหน้าที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้ทดลองความสามารถในการทำงานกับสื่อหลายรูปแบบ เพื่อให้แอป AI รองรับทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลประเภทอื่นๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดของการสั่งงานผ่านข้อความและการเติมเต็มผลงานตามคำสั่งของผู้ใช้
– ความร่วมมือที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคต รวมถึงภาคการศึกษา
– บทบาทของแพลตฟอร์มคลาวด์แบบเปิดและยืดหยุ่น ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ AI ที่มีความปลอดภัยและทำงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคม จนสามารถช่วยให้นักพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้
ในปีนี้ Microsoft Build มีผู้ลงทะเบียนร่วมงานถึง 200,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ทางเทคนิคและการพบปะกับเพื่อนร่วมวงการตลอดระยะเวลาสามวันเต็ม และในจำนวนนี้ มี 4,000 คน ที่จะเดินทางมาร่วมงานด้วยตนเองที่ซีแอตเทิล ทุกคนที่ลงทะเบียนร่วมงานสามารถเลือกร่วมกิจกรรมได้มากถึง 300 เซสชัน รวมถึงเดโมและห้องปฏิบัติการที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญและเทรนเนอร์จากไมโครซอฟท์และเครือข่ายพันธมิตรของเรา สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกลงทะเบียนมาร่วมงาน ก็สามารถติดตามคอนเทนต์ย้อนหลังได้เกือบทั้งหมด โดยในงานนี้ เราจะประกาศผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ รวมกว่า 60 รายการ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บางส่วนจากงาน Build ปีนี้มี เช่น
การตัดสินใจแบบทันทีด้วย Real-Time Intelligence
แอป AI จะมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์ และจัดระเบียบข้อมูลได้นับตั้งแต่จุดที่รับเข้าสู่ระบบ ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่ยากไม่น้อย คุณสมบัติใหม่อย่าง Real-Time Intelligence บนแพลตฟอร์ม Microsoft Fabric จะเข้ามาเป็นโซลูชัน Software-as-a-Service (SaaS) แบบครบวงจรที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการกับข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล จำเป็นต้องนำมาใช้งานให้ทันเวลา และมีความละเอียดสูง เพื่อนำมาสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจให้รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
Real-Time Intelligence เปิดให้นักพัฒนาทดลองใช้งานในรุ่นพรีวิวแล้ววันนี้ โซลูชันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยวิธีการใช้งานแบบ low-code / no-code ที่เรียบง่าย ในขณะที่นักพัฒนามืออาชีพที่ถนัดการเขียนโค้ดก็สามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ทีมแข่งรถ Dener Motorsport นำ Microsoft Fabric มาใช้สนับสนุนการวิเคราะห์ จัดเก็บและรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้พวกเขารักษาประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและบำรุงรักษารถแข่งให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น Dener วางแผนที่จะใช้ Real-Time Intelligence เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการคว้าชัยชนะบนสนามแข่ง ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสดๆ ในระหว่างการแข่งขัน
การสร้างแอปต้องอาศัยความยืดหยุ่น การปรับแต่ง และประสิทธิภาพในระดับที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่เผชิญอยู่ได้ ด้วยชุดเครื่องมือ Microsoft Fabric Workload Development Kit ที่เปิดตัวใหม่ ก็จะช่วยให้ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และนักพัฒนาสามารถขยายแอปพลิเคชันที่รันอยู่บน Microsoft Fabric เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้แบบครบวงจร
GitHub Copilot มุ่งขยายขีดความสามารถด้วยการรองรับส่วนขยาย
GitHub เปิดตัวส่วนขยายชุดแรกสำหรับ GitHub Copilot ซึ่งพัฒนาโดยไมโครซอฟท์และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ และเริ่มเปิดให้ใช้งานในรุ่นพรีวิวแบบจำกัดผู้ใช้ ส่วนขยายชุดแรกนี้ช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรต่างๆ สามารถปรับแต่งประสบการณ์การใช้งาน GitHub Copilot ของตนเองด้วยบริการที่ต้องการ เช่น Azure, Docker, Sentry และอื่นๆ ได้โดยตรงภายใน GitHub Copilot Chat
GitHub Copilot for Azure ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนขยายจากไมโครซอฟท์ แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาแอปด้วยภาษามนุษย์ผ่านเครื่องมือที่มีความสามารถกว้างขวางมากขึ้น จะช่วยขับเคลื่อนความเร็วในการสร้างสรรค์แอปได้อย่างไร โดยการใช้ส่วนขยายผ่าน Copilot Chat ทำให้นักพัฒนาสามารถสำรวจและจัดการทรัพยากรต่างๆ บนคลาวด์ Azure ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาและค้นหาบันทึกและโค้ดที่เกี่ยวข้อง
โมเดลล่าสุด มาพร้อมความสามารถในการประมวลผลหลายรูปแบบ พร้อมใช้งานบน Azure AI
GPT-4o ซึ่งเป็นโมเดลรุ่นใหม่ล่าสุดของ OpenAI เปิดใช้งานแล้ววันนี้ทั้งใน Azure AI Studio และในรูปแบบ API โมเดลรุ่นนี้สามารถประมวลผลคำสั่งในหลายรูปแบบ (multimodal) ผสมผสานความสามารถในการทำความเข้าใจทั้งข้อความ ภาพ และเสียงเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับประสบการณ์การใช้งาน generative AI ทั้งในเชิงสร้างสรรค์และเพื่อการสนทนา
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว Phi-3-vision โมเดลแบบ multimodal จากตระกูล Phi-3 ซึ่งเป็นกลุ่มโมเดลภาษาขนาดเล็ก (small language models; SLMs) ที่พัฒนาโดยไมโครซอฟท์ โมเดล Phi-3-vision พร้อมให้ใช้งานแล้วบน Azure โมเดลในตระกูล Phi-3 นี้ ครบครันทั้งประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์ส่วนบุคคล โดยโมเดลนี้สามารถรับข้อมูลในรูปแบบภาพและข้อความ ก่อนจะให้คำตอบเป็นข้อความ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถถามคำถามเกี่ยวกับแผนภูมิ หรือถามคำถามแบบปลายเปิดเกี่ยวกับภาพจำนวนหนึ่งที่ส่งให้โมเดลวิเคราะห์ เป็นต้น
ก้าวต่อไปในวิวัฒนาการของ Copilot
Copilot เป็นนวัตกรรมที่เข้ามาพลิกโฉมและเปลี่ยนแนวทางการทำงานของใครหลายคนนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก โดยโมเดล AI และ LLM อย่าง GPT-4 ของ OpenAI ช่วยให้บริการ Copilot ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์สามารถสนับสนุนการทำงานที่ซับซ้อนในหลากหลายสถานการณ์ และทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้ช่วย AI ส่วนตัวที่อยู่เบื้องหลังทุกคน
เพื่อต่อยอดความสามารถของ Copilot เราได้แนะนำคุณสมบัติใหม่ใน Microsoft Copilot Studio ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Copilot ที่ตอบสนองต่อข้อมูลและเหตุการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเองตามเงื่อนไขและภารกิจที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากมนุษย์ Copilot ที่สร้างขึ้นในรูปแบบนี้จะสามารถช่วยบริหารจัดการระบบงานในองค์กรได้ด้วยตนเอง โดยใช้ข้อมูลในหน่วยความจำและฐานความรู้ขององค์กรเป็นตัวช่วยในการทำความเข้าใจและตัดสินใจ นอกจากนี้ ระบบนี้ยังสามารถเรียนรู้จากเสียงตอบรับของผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์ หรือแม้แต่ขอความช่วยเหลือเมื่อพบกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถให้ Copilot ช่วยทำงานให้กับพวกเขาได้ ตั้งแต่การจัดซื้ออุปกรณ์ไอทีไปจนถึงการบริการลูกค้าสำหรับการขายและบริการ
นอกจากนี้ ส่วนขยายของ Copilot รวมถึงปลั๊กอินและตัวเชื่อมต่อต่างๆ ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ Microsoft Copilot ได้ โดยการเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลและแอปพลิเคชันใหม่ๆ เพื่อขยายฟังก์ชันการทำงานของระบบ