นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวราคาพริกขี้หนูสวน ปรับตัวสูงขึ้นถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 800 บาท ว่า กรมได้ประสานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่มีข่าวให้ลงไปตรวจสอบราคาในตลาดสดและตลาดต่างๆ แล้ว พบว่า ราคาอยู่ที่เฉลี่ย 600-650 บาท/กก. ไม่ใช่ราคา 800 บาท/กก. จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจว่าพริก มี 3 ชนิด โดยราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น คือ พริกขี้หนูสวนหอม มีแหล่งผลิตจำกัดเพียงแหล่งเดียว คือ จ.กาญจนบุรี ราคาปีที่แล้วอยู่ที่เฉลี่ย 320-450 บาท/กก. ปีนี้ราคาเฉลี่ย 450-680 บาท/กก. และปีนี้ผลผลิตมีน้อย ทำให้ผลผลิตขาดตลาดและราคาสูงขึ้น

ส่วนพริกอีก 2 ชนิด คือ พริกขี้หนูสวนธรรมดา ปีที่แล้ว ราคาเฉลี่ย 180-200 บาท/กก. ปีนี้ราคาเฉลี่ย 200-240 บาท/กก. จะเห็นว่าราคาใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันมาก และพริกขี้หนูจินดา ปีที่แล้วราคาเฉลี่ย 80 บาท/กก. ปีนี้ราคาเฉลี่ย 80 บาท/กก. เท่ากัน

“ตัวที่มีประเด็น คือ พริกขี้หนูสวนหอม ซึ่งเป็นพริกที่นิยมนำไปทำน้ำจิ้มซีฟู้ด เพราะหอมพิเศษ รสชาติจัดจ้าน แต่เมื่อแหล่งผลิตแหล่งเดียวที่ จ.กาญจนบุรี ผลผลิตลดลง เพราะเจอร้อน แล้ง ทำให้ผลผลิตเสียหายถึง 50% และมาช่วงนี้ฝนยังตกชุก ทำให้เกิดปัญหาเชื้อราอีก ผลผลิตมีน้อยกว่าความต้องการ ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่เชื่อว่า หลังจากนี้ อากาศดีขึ้น จะมีการให้ผลผลิตดีขึ้น ราคาจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในภาวะปกติ” นายวัฒนศักย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมได้ประสานไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตามข้อสั่งการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำชับให้ติดตามดูแลสถานการณ์ราคาผักสดอย่างใกล้ชิด ให้ติดตามสถานการณ์ราคาผักสด รวมถึงสินค้าพริก และยังได้เชื่อมโยงผักสดจากตลาดกลาง เพื่อนำไปจำหน่ายในจังหวัดที่มีปัญหาขาดแคลนแล้วกว่า 20 จังหวัด และจะทำการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า พริกที่มีปัญหาราคาแพง คือ พริกขี้หนูสวนหอม ซึ่งปัจจุบัน มีแหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่ จ.กาญจนบุรี เพียงแห่งเดียว ส่วนพริกขี้หนูสวนอื่นๆ ภาคกลางปลูกที่ จ.ราชบุรี สุพรรณบุรี จันทบุรี และกาญจนบุรี ภาคอีสาน ปลูกที่ จ.ขอนแก่น บุรีรัมย์ และภาคเหนือ ปลูกที่ จ.เชียงใหม่ ตาก ซึ่งกรมการค้าภายใน จะมีการประสานนำพริกขี้หนูสวน จากแหล่งผลิตอื่นเข้าไปจำหน่ายในพื้นที่ที่ขาดแคลน