บทสรุป “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปิดฤดูกาล ไทยลีก 2023-24 ด้วยการคว้าแชมป์ เก็บไปได้ 69 คะแนน เป็นแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 9, แชมป์ไทยลีก 3 สมัยติดต่อกัน โดยบันทึกทำเนียบแชมป์ไทยลีกของ บุรีรัมย์ 9 สมัย ได้แก่ 2011, 2013, 2014, 2015, 2017, 2018, 2021/22, 2022/23 และปีล่าสุด 2023/24
ขณะที่ “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าทีมชาติไทย สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปได้เป็นสมัยที่ 2 ติดกัน จากผลงาน 21 ลูก นับเป็นนักเตะไทยคนแรกในรอบ 15 ปี ที่สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไทยลีกได้ 2 ปีซ้อน
ขณะที่กองหลังลูกหม้อของทีมอย่าง “CT14” ชิติพัทธ์ แทนกลาง ที่อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ปี 2012 ตัดสินใจแขวนสตั๊ด อำลาสนามในแมตช์นี้ เขานับเป็นนักฟุตบอลที่เล่นกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงสโมสรเดียวตลอดอาชีพการค้าแข้ง หรือ “One Club Man” ก่อนได้รับตำแหน่งกับทีม ในฐานะ ผู้จัดการสายงานทรัพย์สิน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
โดยนัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่เปิดช้างอารีนา ชนะ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 8-2 ฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลมากถึง 32,222 คน เกือบเต็มความจุของสนาม (32,600 ที่นั่ง) ท่ามกลางเสียงเพลง We are the Champions พร้อมๆ กับการแสดงพลุสุดตระการตา
วันนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ของสโมสร ด้วยการเป็นสุดยอดทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จมากที่สุด จากการนำของ นายเนวิน ชิดชอบ รวมทั้งนางกรุณา ชิดชอบ ที่จับมือกันเดินหน้าพัฒนาสโมสรอย่างไม่หยุดยั้ง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจหลัก จากแผนยุทธศาสตร์ที่ นายเนวิน ตั้งเป้าเอาไว้ สร้างสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นองค์กรกีฬาต้นแบบของประเทศไทย รวมถึงใช้ “กีฬา” สร้างเมืองบุรีรัมย์ ให้กลายเป็นเมืองหลัก ไม่ใช่แค่เมืองผ่าน
พันธกิจหลัก คือ ใช้กีฬาสร้างเมือง ถูกกำหนดให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ฟันเฟืองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักกีฬา สตาฟฟ์โค้ช เจ้าหน้าที่ทีมทุกชีวิต ตั้งแต่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายปฏิบัติงาน ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านทำความสะอาด ล้วนแต่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีระบบอะคาเดมีที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ สามารถสร้างนักกีฬาดาวรุ่งฝีเท้าเด่น วินัยดี ทัศนคติเยี่ยม ให้เข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ ที่ปัจจุบันโดดเด่นอยู่ในเจลีกกับสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ไปเล่นลีกสูงสุดของเบลเยียม กับโอเอช ลูเวิน และปัจจุบัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ภายใต้การบริหารของ “ชนน์ชนก ชิดชอบ” (ลูกชายของเนวิน ชิดชอบ) ก็ยังสร้าง ธนกฤต โชติเมืองปัก ดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้าน อายุเพียง 17 ปี ให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชุดใหญ่แทนที่ สุภโชค และ ศุภณัฏฐ์ ได้แล้ว
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังมีเสื้อแข่งขันที่เป็น Soft Power ของสโมสร และ Soft Power ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ละปีสามารถขายเสื้อแข่งขันได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 ตัว ถือเป็นสโมสรฟุตบอลที่มียอดขายสินค้าที่ระลึกสูงที่สุดในประเทศไทย
แม้จะประสบความสำเร็จทั้งด้านผลงานในสนาม และด้าน Branding ที่ทำให้ทีมมีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจกีฬา แต่ เนวิน ยังไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) เริ่มต้นโปรเจกต์แรกในปี 2019 ที่ครบรอบ 10 ปีของสโมสร ด้วยการนำขวดน้ำพลาสติกมารีไซเคิลเป็นเส้นใยเพื่อนำมาผลิตเป็นเสื้อที่ระลึก 10 ปี และนับตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน คอลเลกชั่นเสื้อแข่งขันไทยลีก “ทุกตัว” ของสโมสร ล้วนถูกผลิตขึ้นโดยเส้นใยที่รีไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติกทั้งสิ้น โดยเสื้อ 1 ตัว ทำจากขวดพลาสติกราว 10-14 ขวด หากนับรวม ๆ ตั้งแต่ปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วยทำลายขวดพลาสติกให้โลกใบนี้ไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านขวด