ดร.ราหุล จันเดียล ศัลยแพทย์ประสาทและนักประสาทชีววิทยาได้เผยข้อมูลที่น่าทึ่งระหว่างการพูดคุยกับ ดร.แรนแกน แชตเตอร์จี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในรายการพอดแคสต์ที่ชื่อว่า Feel Better, Live More
ดร.จันเดียลสนใจเรื่องความฝันและการทำงานของสมองเป็นพิเศษ เขากล่าวว่าระหว่างที่สมองกำลังตายนั้นน่าสนใจมากและน่าตื่นเต้นมาก เขาเล่าถึงคนไข้ที่กำลังจะหมดลมหายใจบนเตียงที่มีเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจและอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว เมื่อเส้นกราฟของคลื่นไฟฟ้าหัวใจกลายเป็นเส้นตรง นั่นแสดงว่าหัวใจหยุดทำงานและผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว
แต่เมื่อมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นไฟฟ้าที่กะโหลกศีรษะ เพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลการทำงานของสมองของผู้ที่กำลังจะเสียชีวิต กลับพบข้อมูลว่า หลังจากที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว (โดยดูจากเส้นกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่กลายเป็นเส้นตรง) คนไข้ยังไม่ตายสนิทเสียทีเดียวนัก
ดร.จันเดียลชี้ว่า หลังจากที่หัวใจหยุดเต้น สัญญาณไฟฟ้าในสมองของเราจะยังคงทำงานต่อไปอีกหลายนาที และไม่ใช่แค่ทำงานไปเรื่อย ๆ ตามปกติ แต่เป็นการระเบิดพลังงานออกมาอย่างเต็มเปี่ยมในลักษณะคล้ายกับคลื่นสมองตอนที่เรากำลังหลับและฝัน เนื่องจากมีการปล่อยสารสื่อประสาท (สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท) ครั้งใหญ่
ดร.จันเดียลเล่าว่าเขาบอกคนไข้ของเขาหลายคนให้รู้ว่า เมื่อหัวใจเต้นเป็นครั้งสุดท้ายนั้น เลือดที่ถูกสูบฉีดเป็นครั้งสุดท้ายจะส่งตรงไปยังสมอง ณ เวลาที่เราเสียชีวิต
เลือดที่ถูกสูบฉีดเหล่านี้จะนำสารกลูโคสซึ่งเป็นสารให้พลังงานของร่างกายไปยังสมอง ซึ่งมันจะกลายเป็นพลังงานของเซลล์ประสาทให้สามารถทำงานต่อไปได้อีกระยะสั้น ๆ ประมาณ 1-2 นาที
ในช่วงเวลา 1-2 นาทีสุดท้ายของชีวิตนี้เองที่สมองจะส่งทุกอย่างที่เคยเก็บไว้และมอบความฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายให้ผู้ตาย
ดร.จันเดียลเปรียบเทียบกับข้อมูลจากการบอกเล่าของผู้ป่วยที่มีประสบการณ์ “ฟื้นจากความตาย” โดยเสริมว่าการทำงานของสมองในช่วงสุดท้ายนี้อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมคนใกล้ตายบางคนถึง “มองเห็นชีวิตตัวเองทั้งชีวิตเลื่อนผ่านไปในใจอย่างรวดเร็ว”
ศัลยแพทย์หนุ่มยังอธิบายต่อไปว่า สำหรับเขาแล้ว คลื่นสมองเหล่านี้มีลักษณะคล้ายคลื่นสมองเวลาที่เรากำลังฝันระหว่างหลับ ทำให้เขามองว่าผู้ป่วยที่มีอาการสมองตาย อาจกำลังอยู่ในความฝันครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายของชีวิตก็เป็นได้
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES