จากกรณีนายพุฒิพงศ์ มณิชสาร หนุ่มโรงงานเย็บผ้าพลเมืองดี ชาวร้อยเอ็ด ที่ไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม ที่บริเวณปากซอยเจริญนคร 45 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สำเหร่ แต่กลับถูกรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน 8 กม 8822 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนจนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุตรวจวัดแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พลเมืองดีช่วยจยย.ล้มดวงกุดถูกเก๋งชนดับ เป่าเมาคนขับแอลกอฮอล์เกินกำหนด

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ สอบปากคำ นายกาจภูมิ เลี่ยมพูล อายุ 25 ปี คนขับรถเก๋งคันก่อเหตุ ในเบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับ นายกาจภูมิ 2 ข้อหา คือ เมาแล้วขับ หลังวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 67 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยญาติได้นำหลักทรัพย์มาขอประกันตัวไป 1 เเสนบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่วนข้อหาอื่น เช่น ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พนักงานสอบสวนจะนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากว่าช่วงเวลาขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 22.04 น. เกินจากช่วงเวลาเคอร์ฟิวไป 4 นาที ถ้าหากว่าผิดกฎหมายก็จะเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

ต่อมาช่วงบ่าย ที่แผนกนิติเวช รพ.จุฬาฯ นายสุวัฒน์ มณิชสาร อายุ 52 ปี ลุงของได้ เดินทางมาเพื่อรับศพ นายพุฒิพงศ์ เปิดเผยว่า หลานมาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ 15 ปี แล้ว นิสัยจะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคน เมื่อคืนก็เช่นกัน ก็เข้าไปช่วยจนตัวเองต้องมาตาย หลังเกิดเหตุ พ่อแม่ของหลานทราบเรื่องก็เป็นลมล้มพับไปเลย ตอนนี้ที่บ้านพูดอะไรไม่ออก มันจุกไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเร็วขนาดนี้

นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะที่เมื่อคืนได้เจอกับ นายกาจภูมิ แล้ว แต่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก นายกาจภูมิ ได้ก้มมากราบขอขมา ตนเองก็ไม่ได้พูดอะไร วันนี้หลังรับร่างหลานชาย ก็จะต้องรีบเดินทางกลับ จ.ร้อยเอ็ด ทันที เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านดงบัง อ.อาจสามารถ

ด้าน น.ส.สุดาพร พืชศรี อายุ 24 ปี แฟนสาวของผู้ตาย เปิดเผยก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ทุ่มกว่า ผู้ตายบอกกับตนว่า เดี๋ยวกลับมา จะออกไปไปซื้อบุหรี่ให้รอกินข้าวด้วยกัน ก่อนจะออกจากที่พักไป แต่ปรากฏว่าแฟนมาถูกรถชน ที่ผ่านมา ผู้ตายมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง หากใครเดือดร้อนก็จะช่วย เพราะเป็นคนที่รักเพื่อนฝูงมาก อีกทั้งยังเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องเลี้ยงดูน้องอายุ 10 ขวบ และลูกอายุ 4 ขวบ