จากกรณี นายล้วน เขียวฟัก ชาวสวนวัย 84 ปี ชาว จ.นนทบุรี ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มแรกที่วัดไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน กลับล้มป่วยเป็นอัมพาต ทั้งที่ก่อนที่จะไปฉีดวัคซีนยังเดินได้ปกติ น.ส.สมใจ พิมพ์ดี ลูกสาวจึงทำเรื่องพร้อมแนบเอกสารหลักฐานไปที่ สสจ.นนทบุรี เพื่อขอรับการเยียวยา กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ สปสช.เขต 4 จ.สระบุรี แจ้งว่า คุณตาล้วนไม่ผ่านการพิจารณาที่จะได้รับการเยียวยา เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า คุณตาล้วนน่าจะป่วยติดเตียงมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ก่อนที่จะไปฉีดวัคซีน ทางครอบครัวถึงกับน้ำตาซึม ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ พร้อมยืนยันว่า คุณตาล้วน ร่างกายแข็งแรงดีก่อนไปฉีดวัคซีน มีเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เป็นพยานยืนยันได้

ตาชาวสวนฉีดเข็มแรกจากแข็งแรงกลายเป็นอัมพาต ลูกสาวโอดไม่เอาแล้วเข็ม

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ (10 ต.ค.) ได้เดินทางไปยังบ้านพักของนายล้วน เขียวฟัก พบว่า คุณตานอนติดเตียงในสภาพผ่ายผอม หนังหุ้มกระดูก แต่ยังพูดคุยได้บ้าง มีชาวบ้านเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจที่บ้านกันหลายคน โดยทุกคนต่างเชื่อว่า คุณตาล้วนนอนติดเตียง เพราะมาจากผลข้างเคียงที่แพ้วัคซีนมาอย่างแน่นอน แต่ทำไมไม่ได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ

ด้าน นายวิโรจน์ พ่วงแพ อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เปิดเผยว่า ก่อนฉีดวัคซีน คุณตาล้วนมีอาการปกติตามประสาคนแก่ แต่หลังจากฉีดมาแล้วอาการเหมือนคนป่วย ตอนแรกลูกหลานคิดว่าป่วยตามประสาคนสูงอายุ ไม่คิดว่าจะมีผลข้างเคียงมาจากวัคซีน ปกติชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ว่า ผลกระทบจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่แกไปฉีดวัคซีนแกยังเดินไปฉีดวัคซีนด้วยตัวเองในสนามฉีดวัคซีน แต่ปัจจุบันทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิมเลย ถามว่าหากนอนอย่างนี้ ใครจะอุ้มไปฉีดวัคซีน ตอนที่ไปฉีดยืนยันว่า ร่างกายของคุณตาสมบูรณ์ คุณตาล้วนไม่ได้นั่งรถเข็นอะไรเลย แม้แต่ที่บ้านก็ไม่มีรถเข็นให้เห็นสักคัน ปกติเป็นคนที่ชอบเดินออกกำลังหน้าบ้านไปหาเพื่อนบ้านประจำ

ขณะที่ นางสุดใจ พันทอง อายุ 51 ปี อสม.ประจำหมู่บ้าน กล่าวว่า ตนเองเป็นคนมาชักชวนให้คุณตาล้วนไปฉีดวัคซีน ทั้งๆ ที่ลูกสาวไม่อยากให้ฉีด แต่คุณตาอยากฉีด ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยติดเตียงมาก่อน เดินเองได้ วันที่ไปฉีดวัคซีน หลานก็เป็นคนพาไป ตนเป็น อสม. ยืนยันว่าคุณตาเดินได้อยู่ตามปกติ ตอนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่พอหลังฉีดแล้ว ตนเองก็มาดูก็พบว่า เดินไม่ได้จริงๆ

ส่วน นางจำรัส เพื่อนบ้านใกล้กัน กล่าวว่า ยืนยันคุณตาก่อนไปฉีดวัคซีนยังเดินได้ปกติ มาทราบว่าเดินไม่ได้หลังไปฉีดวัคซีนมา ก็เดินทางมาเยี่ยมเห็นคุณตาผอมผิดไปเป็นคนละคนเลยกับก่อนฉีดวัคซีน รู้สึกสงสารมากๆ ยืนยันว่าเดินได้แข็งแรงก่อนไปฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ น.ส.กัญญาณัฐ อายุ 38 ปี หลานสาวคุณตาล้วน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่โทรฯ มาบอกว่า ผลการพิจารณาแล้วคุณตาไม่ผ่าน ดูจากรูปถ่ายแล้วคุณตาติดเตียงมาก่อนที่จะไปฉีดวัคซีน ทางเจ้าหน้าที่จึงบอกให้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ให้ไปหาหลักฐานมายื่นใหม่ เจ้าหน้าที่บอกว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาดูจากรูปแล้ว น่าจะติดเตียงมา 3 เดือน ไม่ใช่เดือนเดียวหลังจากที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ก่อนฉีดคุณตาเดินได้ตามปกติ ตอนเช้าเดินไปร้านค้า ออกกำลังกายได้เหมือนทุกวัน พอฉีดเสร็จกลับมาแล้วก็มีอาการท้องเสีย ร่างกายผ่ายยอมคิดมากลงทุกวันทุกวันจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

น.ส.กัญญาณัฐ กล่าวต่อ่า วันที่ฉีดวัคซีน หลังจากพักดูอาการ 30 นาที ตนก็ถ่ายรูปไว้ คุณตาเดินเข้าไปฉีดแล้วมานั่งพักผ่อนก่อนฉีดวัคซีน ตนเป็นหลาน ขอยืนยันและพูดความจริงว่า ตาไม่ได้ติดเตียงเลยวันที่ไปฉีดวัคซีน เพราะตนเป็นคนพาไปเอง พอไปถึงสนามฉีดวัคซีนคุณตาก็เดินเข้าไปเองโดยไม่ต้องมีใครพยุงในวันนั้น

ทางด้าน นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง กล่าวว่า ตามประกาศของ สปสช. กรณีที่ว่าผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการที่พิจารณาก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์กับเลขาธิการ สปสช. ภายในกำหนด 30 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบคำสั่ง เบื้องต้นที่สอบถามจากทางผู้ร้องเองซึ่งได้รับแจ้งจากโทรศัพท์ทราบว่า ข้อมูลจากคณะอนุกรรมการพิจารณา ทราบว่าคุณตาล้วน น่าจะติดเตียงมาก่อนที่จะไปรับวัคซีน แต่จากการที่ตนลงพื้นที่สอบถามในวันนี้ ทั้งผู้ใหญ่บ้าน อสม. เพื่อนบ้านทุกคนต่างก็ยืนยันว่า คุณตาล้วนสุขภาพร่างกายแข็งแรงสามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างผู้ใหญ่บ้าน บ้านห่างไปหลาย กม.คุณตาเองยังสามารถเดินไปซื้อของเองได้ เพราะบ้านผู้ใหญ่บ้านเป็นร้านขายของชำ คุณตายังเดินไปซื้อของเองที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน

นายเกียรติคุณ กล่าวต่อว่า ลูกหลานได้นำภาพถ่ายวันที่คุณตาได้รับวัคซีนที่หน่วยบริการรับวัคซีน สนามฉีดวัคซีนไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย ก็มีรูปถ่ายที่คุณตานั่งเป็นปกติ ลูกหลานก็ยืนยันว่า วันที่พาคุณตาไปหลานอยากให้นั่งรถวีลแชร์ไปแกยังไม่นั่งเลยแกต้องการเดินไปเอง แล้วก็เดินเข้าไปในสนามฉีด อันนี้เป็นข้อมูลหลักฐานเรามีทั้งภาพถ่าย พยานเอกสาร พยานบุคคล ที่พร้อมจะยื่นอุทธรณ์กับเลขาฯ สปสช. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฝากคณะอนุกรรมการทุกๆ คณะอนุกรรมการในการพิจารณาก่อนที่จะลงความเห็นอย่างหนึ่งอย่างใด ถ้าขาดเอกสารหลักฐานใดๆ หรือท่านติดใจกรุณาสอบถามจากทางผู้ร้องก่อนว่า คณะอนุกรรมการยังติดใจในเรื่องนี้

“อย่างกรณีเช่นนี้ คณะกรรมการน่าจะสอบถามจากทางผู้ร้องก่อนว่า มีหลักฐานเพิ่มเติมไหมว่า คุณตาล้วนไม่ได้นอนติดเตียงมาก่อนที่จะไปรับวัคซีน ลูกหลานจะได้นำหลักฐานไปยื่นประกอบให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการ ไม่ใช่ท่านมาวินิจฉัยแบบนี้ ความเสียหายความเดือดร้อนก็จะตกอยู่กับประชาชน กว่าเขาจะเดินทางไปรับวัคซีน มีผลกระทบกับเขาแล้ว และกว่าเขาจะไปร้องขอเงินเยียวยาเบื้องต้นจาก สสจ.จังหวัด ก็มีความลำบากมากพออยู่แล้ว ยังมาวินิจฉัยแบบนี้ มันเหมือนกับสร้างความลำบากให้กับประชาชน ถ้าประชาชนเขาขาดหลักฐานอะไร กรุณาเรียกหลักฐานจากเขาเพื่อให้เขาส่งหลักฐานให้ท่านวินิจฉัยให้ถูกต้อง อย่าทำแบบนี้กับรายอื่นต่อไป” ทนายโป้ง กล่าวทิ้งท้าย