สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองปัลมา ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ว่า กลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวเดินขบวนตามถนนสายต่าง ๆ ของเมืองปัลมา พร้อมกับถือธงสีสันสดใสและป้ายข้อความ ภายใต้สโลแกน “มาเปลี่ยนแนวทางและจำกัดการท่องเที่ยวกันเถอะ” ซึ่งถือเป็นการประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ และครั้งล่าสุดในสเปน

การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นจากองค์กรและกลุ่มทางสังคมประมาณ 80 แห่ง ที่ต้องการจำกัดการท่องเที่ยวที่มากเกินไปในหมู่เกาะแบลีแอริก ซึ่งมี 3 เกาะหลัก ได้แก่ เกาะมายอร์กา, เกาะเมนอร์กา และเกาะอิบิซา พวกเขากล่าวว่า โมเดลการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ขยายบริการสาธารณะจนถึงขีดสุด, ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และทำให้ชาวเมืองในพื้นที่ เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ยากลำบากยิ่งขึ้น

เมื่อปีที่แล้ว หมู่เกาะแบลีแอริก มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 17.8 ล้านคน ทั้งจากสเปนแผ่นดินใหญ่ และต่างประเทศ ซึ่งตัวเลขข้างต้นคาดว่าจะสูงขึ้นอีกในปีนี้

อนึ่ง การประท้วงครั้งล่าสุดในเมืองปัลมา เกิดขึ้นหลังการประท้วงครั้งใหญ่ในสามเกาะหลักของหมู่เกาะแบลีแอริก เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ชุมนุมหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนท้องถนน เพื่อเรียกร้องมาตรการจำกัดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง ภายใต้สโลแกน “เกาะของเราไม่ได้มีไว้ขาย”

 “จากมุมมองในเชิงปฏิบัติ การท่องเที่ยวถือเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันก็ควรได้รับการควบคุมในลักษณะเดียวกับโรงแรม” นายโฮเซ มาเรีย เอซกีอากา สถาปนิก และผู้เชี่ยวชาญด้านการวางผังเมือง กล่าว

ขณะที่ นายมานูเอล เด ลา กาเย ผู้สันทัดกรณีด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจ กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีนักท่องเที่ยว อาจเป็นหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง ซึ่งจะไม่ทำให้การท่องเที่ยวลดลง แต่จะสร้างทรัพยากรที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการการท่องเที่ยว หรือช่องทางอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือประชากรในท้องถิ่นได้.

เครดิตภาพ : AFP