ปล่อยออกมาให้ได้เล่นกันเกินกว่าครึ่งเดือนแล้ว สำหรับเกมฟุตบอลของมวลมนุษยชาติภาคล่าสุด FIFA 22 ที่เกมเมอร์คอบอลทั่วโลกรอคอย จนถึงตอนนี้หลายคนก็ยังคงชั่งใจว่า ควรเสียเงินสอยมาเล่นหรือไม่? เพราะเศรษฐกิจในยุคโควิดนั้น เงินไม่ได้หาง่ายเหมือนแต่ก่อน แถมยังเจอภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีกสำหรับคนที่จะซื้อเกมทาง Steam ซึ่งเริ่มเก็บไปตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.

                โดยวันนี้ “ฮันส์แบ๊ก” มีข้อมูลมาแชร์ให้อ่านกัน เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี

                สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ FIFA 22 ซึ่งทำให้คุ้มค่าต่อการจ่ายเงินซื้อมาเล่นก็คือ การนำเทคโนโลยี HyperMotion มาใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลจริง ๆ ทั้ง 22 คนในสนามและลูกฟุตบอล ทุกจังหวะตลอดการเล่นทั้งแมตช์ ก่อนถ่ายทอดลงมาสู่เกม ทำให้งานภาพและเกมเพลย์มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน การเล่นมีความไหลลื่น ความเร็วของเกมก็ลดลง ส่งผลให้มีความสมจริง สดใหม่ และน่าทึ่งสุด ๆ แต่ทว่า HyperMotion มันดันมีแค่ในเครื่องเกมคอนโซลเจนใหม่อย่าง PS5, Xbox Series X|S และ Stadia เท่านั้น คอนโซลรุ่นเก่าไม่มี รวมทั้ง PC ก็ไม่มีเช่นกัน ทำให้คอเกม PC จำนวนมาก คอมเมนต์ว่ารอลดราคาก่อนดีกว่าค่อยซื้อถึงคุ้ม เพราะมันแทบไม่แตกต่างจาก FIFA 21 เลย โหมดการเล่นก็เหมือนเดิมเป๊ะ แค่ปรับปรุงรายละเอียดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

                แต่สิ่งที่ปรับแล้วถูกใจแฟน ๆ ก็อย่างเช่น การยกเครื่องใหม่ Division Rivals โดยผู้เล่นทุกคนต้องเริ่มไต่เต้าจากดิวิชั่น 10 ขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะได้เล่นอยู่ในดิวิชั่นสูงสุดเท่าที่จะสามารถไต่ขึ้นไปได้ตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งจะมีการ  refresh ทุก 6 สัปดาห์ แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ มีการเพิ่ม Elite Division สำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือเหนือกว่าระดับ Division 1 ขึ้นมาด้วย เป็นดิวิชั่นขั้นเทพเหนือมนุษย์นั่นเอง

                อีกสิ่งที่ปรับแล้วน่าสนใจก็คือ FUT Champions ที่ถูกรื้อระบบการแข่งขันใหม่ โดยผู้เล่นต้องเก็บแต้มใน Division Rivals ก่อนจะผ่านไปเล่นในรอบ Play-Offs และ Weekend League Finals ต่อไป    

                ด้านรายละเอียดการเล่น สิ่งที่เกมเมอร์ทั่วโลกบ่นตรงกันก็คือ ผู้รักษาประตูจะเหนียวไปไหน กว่าจะยิงเข้าเลือดตาแทบกระเด็น ตรงจุดนี้อาจต้องรอการอัปเดตอีกทีว่า EA จะมีการปรับปรุงให้ยิงเข้าง่ายขึ้นหรือไม่ แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้ ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง

                ส่วนการกลับมาของ Finesse shot ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ เพราะใช้ทำประตูได้ทุกองศาภายในระยะ 40 หลาจากหน้าปากประตู ใครที่ใช้จนชำนาญ ถือเป็นอาวุธสุดอันตรายเลย

                สรุปง่าย ๆ ถ้าคุณมีเครื่องเกมคอนโซลเจนใหม่ PS5 หรือ Xbox Series X|S ไม่ต้องลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น ควักกระเป๋าสอยเกม FIFA 22 มาเล่นให้ฟินกันได้เลย ทั้งพลังขับเคลื่อนของเครื่องรุ่นใหม่ที่ช่วยให้ภาพกราฟิกสวยงามสมจริงยิ่งขึ้น บวกกับเทคโนโลยี HyperMotion ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของเกมฟุตบอลที่คุณเคยสัมผัสไปตลอดกาล จะทำให้เกมเมอร์บ้าบอลทั้งหลายเล่น FIFA 22 กันชนิดไม่มีเบื่อเลยทีเดียว.

ฮันส์แบ๊ก