ปิดตำนาน 358 วัน ของ “เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์” เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเฉียดฉิว 5 ต่อ 4 ปมร้อนตั้ง พิชิต ชื่นบาน นั่ง รมต.พ่นพิษ ฟันฉับ “เศรษฐา” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีพร้อม คณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้งคณะ ซึ่ง “นายกฯ” ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้นำความกราบบังคมทูลฯ เสนอบุคคลที่ไม่สมควรทูลเกล้าฯ รู้ดีอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติต้องห้าม ส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา” สิ้นสุดลงเฉพาะตัว หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยตุลาการเสียงข้างมาก 5 คน ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ
ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร ” ปิดเกมส์เร็วเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า เรียกประชุมด่วน หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ทันที พร้อมกับเคาะชื่อนายกรัฐมนตรี คนต่อไป คือนายชัยเกษม นิติสิริ วัย 76 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ยุติธรรม ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทย สนับสนุน “นายน้อย” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวัย 37 ปี ย่างเข้า 38 ปี สวนทางมติ “จันทร์ส่องหล้า”
ซึ่งขั้นตอนต่อไป คือ การเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ในสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 16 ส.ค.67 เวลา 10.00 น. ซึ่งจะมีการเสนอชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิง คนที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจาก “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งแนวโน้มผ่านฉลุย มุ่งหน้า เข้าสู่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และนำไปสู่การตั้งคณะรัฐมนตรี ทั้งชุด แรงกระเพื่อมมีไม่เยอะ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมเกาะกันแน่น ไม่แตกแถว
และต้องไปดูการฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ ซึ่งอาจจะถือโอกาส “ล้างไพ่” บางพรรคออกพ้น รัฐบาล ตามที่ “ทักษิณ” หมายหัวไปที่พรรคพลังประชารัฐ เตะทีมบ้านป่า เก็บไว้เฉพาะขั้ว ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ที่ก่อนหน้านี้ ส่ง “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปตั้งพรรค “กล้าธรรม” เป็นพรรคสำรองไว้รองรับไพร่พลที่จะออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในอนาคต หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือไม่? เพราะ อดีต 40 สว. ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ฟัน “เศรษฐา” จนหลุดเก้าอี้ “นายกฯ” แกนนำก็เป็น สว. สายบ้านป่า
แต่สิ่งที่น่าจับตาคือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินหมื่นให้ทันกำหนดเส้นตาย ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือจุดขายเดิมพัน สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจให้ได้ ซึ่งเป็นเดิมพันสุดท้าย ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเทหมดหน้าตักสู้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกความนิยมจากประชาชนให้ได้ โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ที่ขึ้นมาแทนที่พรรคก้าวไกล ที่กระแสดีวันดีคืน
ซึ่งในการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มีรายงานข่าวแจ้งว่า “ทักษิณ” ได้แจ้งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลถึงการยกเลิกโครงการฯ โดยระบุว่า “เศรษฐกิจยังไม่ดีขอยุติไปก่อน โดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นคนชี้แจงเรื่องการยกเลิกโครงการฯ นี้ต่อประชาชน”
ล่าสุด นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกโครงการเติมเงิน 10,000 บาทว่า ยังไม่ทราบต้องถามรักษาการ รมว.คลัง และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อแถลงต่อรัฐสภาเป็นนโยบายแล้วสามารถยกเลิกได้หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า “ผมว่าโดยหลักแล้วมันควรจะหยุดลง และไม่จำเป็นต้องกลับไปถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา
หากโครงการ “ดิจิตัลวอลเล็ต” นโยบาย “เรือธง”ของพรรคเพื่อไทยต้องล่มไปพร้อมๆกับ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เพราะ “พูดแล้วทำไม่ได้” ที่ต้องกลายเป็นตราบาปไปต่อสู้กันในสนามเลือกตั้ง.