สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ว่า นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐและว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. นี้ พร้อมนายทิว วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ลงพื้นที่หาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสวิงสเตตของการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์
Vice President Harris: Any so-called leader who is about beating down other people is a coward. The real measure of the strength of a leader is based on who you lift up. That's what this campaign is about pic.twitter.com/MMe2YlO0Xw
— Kamala HQ (@KamalaHQ) August 18, 2024
ทั้งนี้ การที่แฮร์ริสนำเสนอภาพลักษณ์ของตัวเอง ว่าจะเป็นผู้นำหญิงคนแรกของสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังนำเสนอตัวเองในฐานะ ประธานาธิบดีหญิงผิวสีและมีเชื้อสายเอเชีย คือ เชื้อสายอินเดียจากมารดา และการเป็น “ผู้นำรุ่นใหม่” ของพรรคเดโมแครต หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน วัย 81 ปี ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรค และสนับสนุนให้แฮร์ริส วัย 59 ปี ขึ้นมาทำหน้าที่แทน

ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำสหรัฐและแคนดิเดตของพรรครีพับลิกัน เน้นหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเช่นกัน ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง โดยทรัมป์ชนะในรัฐนี้ เมื่อปี 2559 และพ่ายแพ้เมื่อปี 2563
PRESIDENT TRUMP: "On November 5th, we will save our economy. We will rescue our Middle Class. We will reclaim our sovereignty and restore our borders. We will put AMERICA FIRST—and we will FIGHT, FIGHT, FIGHT for our country." pic.twitter.com/fKfuPl3XUh
— Trump War Room (@TrumpWarRoom) August 17, 2024
อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์ยังคงเน้นใช้วาทกรรมโจมตีบุคลิกภาพ และรูปลักษณ์ภายนอกของแฮร์ริส สวนทางกับที่แกนนำพรรครีพับลิกันหลายคน ออกมาเรียกร้องให้อดีตผู้นำสหรัฐหาเสียงเน้นไปที่การนำเสนอนโยบายของตัวเอง ว่าดีกว่าของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร ไม่ใช่การพุ่งเป้าไปที่เรื่องซึ่ง “ไม่น่านำมาเป็นประเด็น”
ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน จัดทำโดยเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ร่วมกับวิทยาลัยเซียนา เน้นไปที่ 4 รัฐสวิงสเตต เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า แฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำเหนือทรัมป์ 50% ต่อ 45% ที่รัฐแอริโซนา 49% ต่อ 47% ที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ส่วนที่รัฐเนวาดา ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำเหนือแฮร์ริส 48% ต่อ 47% และ 50% ต่อ 46% ที่รัฐจอร์เจีย.
เครดิตภาพ : AFP