เมื่อวันที่ 26 ส.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดทำระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ที่ให้มีผลบังคับใช้ในทันที รวมถึงการจัดทำระเบียบ แนวทางการปฏิบัติ และกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขัง ซึ่งจะต้องมารองรับระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะปัจจุบันนี้ 1 เรือนจำ/ทัณฑสถาน สามารถบรรจุจำนวนผู้ต้องขังได้ประมาณ 150,000-160,000 ราย และกฎหมายหรือกฎกระทรวงถือเป็นกฎหมายทันสมัย โดยมีการกำหนดให้โรงพยาบาลเป็นที่คุมขังสำหรับผู้ต้องขังป่วย
นอกจากนี้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มี มาตรา 33 มาตรา 34 ที่ต้องการให้มีที่คุมขังอื่น แต่ต้องไม่ใช่สถานที่คุมขังที่อำนวยความสะดวก ยกตัวอย่าง กรณีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด อาจต้องไปอยู่ที่คุมขังอื่น แต่ต้องเป็นที่ที่จะทำให้เขาไม่หลบหนีอีก และไม่ก่อเหตุร้าย และต้องมีการพัฒนาพฤตินิสัย ได้รับการพัฒนาให้ประสิทธิภาพและศักยภาพ เมื่อกลับสู่สังคมก็ต้องไม่ไปกระทำความผิดซ้ำอีก เช่น มีสถานสำหรับเรียนหนังสือ สถานที่ฝึกอาชีพ หรืออาจเป็นเรือนจำซูเปอร์แม็กซ์ก็ได้ ดังนั้น สถานที่คุมขังอื่น เดิมอาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ตอนนี้ตนทราบว่านายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ทำระเบียบ แนวทางการปฏิบัติ และกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขัง หรือหลักเกณฑ์ เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ จึงต้องนำเรื่องรายงานเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการราชทัณฑ์ก่อน โดยในชุดคณะกรรมการฯ จะมีผู้แทนจากหน่วยต่าง ๆ มาช่วยดูรายละเอียด ทั้งจากอัยการสูงสุด ศาลยุติธรรม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เป็นต้น
เพื่อให้บรรบุวัตถุประสงค์ลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่วนคนที่เข้าเกณฑ์อาจเช่น ผู้ต้องขังเจ็บป่วย ผู้ต้องขังสูงอายุมากกว่า 70 ปี หรือผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ซึ่งควรจะได้รับการดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเกณฑ์ต่าง ๆ รมว.ยุติธรรม ไม่ใช่ผู้กำหนด แต่เป็นผู้แทนจากหน่วยงานภายในชุดคณะกรรมการราชทัณฑ์ พิเคราะห์ว่าทำอย่างไรให้เรือนจำไม่ถูกมองว่าเป็นที่แออัดยัดเยียด จึงต้องให้เรือนจำแต่ละแห่งไปดูว่าสถานที่ใดจะใช้เป็นสถานที่คุมขังอื่นได้บ้าง และทุกที่ต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้จะทันกรอบสิ้นปี 2567 หรือไม่นั้น อยู่ที่แต่ละเรือนจำ และต้องรอการแต่งตั้ง ครม. ให้แล้วเสร็จก่อน เพราะยังเป็นเรื่องใหม่และคนสงสัย กฎหมายก็ต้องปฏิบัติได้จริง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่มีเกณฑ์อาจเข้าข่ายได้รับสิทธิประโยชน์คุมขังนอกเรือนจำนั้น เดิมทีกำหนดให้เป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย หรือประมาณโทษ 4 ปี แต่ในระเบียบก็ไม่ได้มีการกำหนดอัตราโทษไว้ อยู่ที่เรือนจำแต่ละเเห่งไปพิจารณาว่าผู้ต้องขังเด็ดขาดรายใดมีพฤติกรรมดี ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือไปก่อเหตุร้าย และไม่ไปยุ่งเหยิงสิ่งใด ส่วนคดีข่มขืนหรือคดีที่มีการกระทำความผิดซ้ำ ตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 หรือ กฎหมาย JSOC ก็อาจจะได้รับสิทธิประโยชน์ตรงนี้
แต่หลักสำคัญของสถานที่คุมขังอื่นก็เพื่อพัฒนาพฤตินิสัย ดังนั้นการใช้กฎหมายของกระทรวงยุติธรรมต้องใช้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมถึงนักโทษเด็ดขาดในรายคดีรุนแรงก็อาจได้สิทธิในระเบียบนี้เหมือนกัน แต่เราก็ต้องไปหารือพูดคุยกับหน่วยงานราชการอื่นถึงความพร้อมในการใช้สถานที่ใดเป็นสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ และจากนั้นจึงจะมีการไปตรวจสอบสถานที่นั้น ๆ ว่าเข้ามาตรฐานหรือไม่ ส่วนคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่คดีการกระทำความผิดซ้ำตามกฎหมาย JSOC แต่ว่าส่วนใหญ่เราก็ให้ความสำคัญ ให้ความระวัง เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างความรู้สึกของประชาชน แม้มีกฎหมายบัญญัติแต่ก็ต้องดูความเหมาะสมประกอบ
“ผู้ต้องขังเด็ดขาดได้รับสิทธิประโยชน์คุมขังนอกเรือนจำ ส่วนผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี เราได้ทำมาตรา 89/1 สามารถให้ศาลมีคำสั่งไปอยู่บ้านได้ หากเขาได้รับการประกันตัวชั่วคราว โดยศาลอาจมีเงื่อนไขให้ราชทัณฑ์ไปช่วยดูแลผู้ต้องขัง” รมว.ยุติธรรม ระบุ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงมาตรการเบื้องต้นสำหรับผู้ต้องขังที่ได้คุมขังสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำ ว่า บางรายอาจต้องให้ศาลมีคำสั่งติดกำไล EM มีการรายงานตัวในระบบออนไลน์ มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปสอดส่องตรวจตรา และบางส่วนอาจต้องมีการทำหนังสือลงนาม (MOU) กับตำรวจหรือทหาร เป็นต้น แต่ ณ ตอนนี้ตนยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้ต้องขังที่อยู่ในข่ายได้รับสิทธิประโยชน์ตามระเบียบคุมขังนอกเรือนจำได้ เพราะเกณฑ์ต่าง ๆ เจตนารมณ์กฎหมายของราชทัณฑ์เขียนไว้ตอนท้าย ว่าที่ผ่านมาไม่ใช้คณะกรรมการบริหารราชทัณฑ์ให้เป็นประโยชน์ จากนี้จึงต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ คณะกรรมการราชทัณฑ์ มีทั้งนักอาชญาวิทยา นักจิตวิทยา นักทัณฑวิทยา ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดู และเราก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของสังคมและตัวผู้ต้องขังเอง หากต้องไปคุมขังนอกเรือนจำ
พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำไม่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะมันเป็นสุญญากาศ เราจึงต้องทำ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ที่มีการประกาศเรื่องระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ออกมา ก็มีการคิดโยงไปว่าเกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร จึงทำให้ผู้ต้องขังเสียโอกาสไปเยอะ ทั้งนี้ แม้เปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว แต่ในตอนนี้กระทรวงยุติธรรม ยังไม่ได้รับเรื่องประสานกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายแต่อย่างใด.