เมื่อเวลา 22.45 น.วันที่ 29 ส.ค. 2567 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และมีมติร่วมรัฐบาลถึง 43 เสียง ไม่เห็นด้วย 4 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง โดยในซีกที่ไม่เห็นด้วยนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมยิ้มและกล่าวสั้นๆ ว่า ขอให้รอฟังแถลงมติที่ประชุมพรรค
เมื่อถามว่าที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวย้ำคำเดิมว่า ขอให้รอฟังการแถลงจากกรรมการบริหารพรรคดีกว่า ไม่มีอะไรในที่ประชุม มีการให้แสดงความเห็น ก็เป็นอย่างที่รู้กันอยู่ ซึ่งตนและอีก 3 คน ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย
นาย’สรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุมคุยกันฉันท์พี่น้อง จนเป็นมติพรรคออกมา
เมื่อถามว่าในฐานะที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ และคัดค้านการร่วมรัฐบาล ผลออกมาเช่นนี้ เป็นที่ยอมรับใช่หรือไม่ นาย’สรรเพชญ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ก็ด้วยมติพรรค เนื่องจากเป็นสถาบันทางการเมือง วันนี้ถือว่าทุกคนได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และใครมีอะไรในใจก็ได้พูดออกมา ในฐานะที่เราเป็นครอบครัวพรรคประชาธิปัตย์ แต่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ผิดถูกอย่างไรเชื่อว่าประชาชน จะเป็นคนตัดสินในอนาคต แต่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครผิดหรือถูก ซึ่งทุกคนอยากเห็นพรรคไปข้างหน้า และมีเอกภาพ ดังนั้นการได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา จึงได้มีการลงมติ และเห็นชอบว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าท้อหรือไม่นั้น นายสรรเพชญ กล่าวว่า เป็นการรักษาจุดยืน ของพรรคและรักษาเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี และสัจจะจุดยืนของพรรคที่เคยให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ได้เป็นเรื่องของความขัดแย้ง หรือสู้รบกับใคร แต่เป็นการต่อสู้กันทางความคิด และอุดมการณ์ เป็นเรื่องของผิดและถูก สิ่งไหนถูกก็ว่าถูก สิ่งไหนผิดจะว่าถูกไม่ได้ วันหนึ่งเคยพูดไว้อย่างหนึ่ง แล้ววันนี้ ถ้าทำอีกอย่างหนึ่ง ก็คงจะกลับไปในพื้นที่และมองหน้าประชาชนที่เลือกตนเองมาไม่ได้ คือสิ่งที่ตัวเองได้เรียนไป แต่สุดท้ายก็จบแล้ว และเป็นไปตามมติของพรรค จะชอบหรือไม่ชอบก็ถือว่าเป็นมติที่ตัวแทนของประชาชน ได้เลือกทางที่คิดว่าเหมาะสมที่จะเข้าร่วมรัฐบาล และเป็นไปตามคณะกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่าส่วนจะทำงานยากในพื้นที่หรือไม่หลังจากนี้ นายสรรเพชญ กล่าวว่า ถ้าในแง่ของการทำหน้าที่สส.และนิติบัญญัติ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำหน้าที่มาโดยตลอด และได้ทำหน้าที่อย่างหนัก พร้อมผลักดัน โครงการและกฎหมาย ที่คิดว่ามีประโยชน์ และส่งผลดีกับประชาชน และในพื้นที่ก็พยายามผลักดันโครงการต่างๆ ที่จะสามารถทำได้ในขอบเขตของ สส. ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ที่จะได้ชี้แจงรายละเอียดต่อไป
นายสรรเพชญร กล่าวว่า ดีใจที่เรื่องนี้จบได้เสียที จะได้ไม่ต้องคาราคาซังกัน จะได้ชัดเจน ก่อนจะทิ้งท้าย หมดคำว่าเป็นพรรคอะไหล่แล้ว.