เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายพีระพันธุ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา อาชีพพนักงานขายรถยนต์ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของมิจฉาชีพหลอกลวง โดยแอบอ้างธนาคารชื่อดังเสนอโปรแกรมกู้เงินสินเชื่อ “รวมหนี้ ลดต้น ลดดอก” ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ สุดท้ายแล้วหลงกลอุบายของมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าเป็นพนักงานธนาคาร หลอกให้ทำรายการผ่านทางไลน์ ป้อนข้อมูลส่วนตัว จนนำไปสู่การถูกล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ ถึง 2 ครั้ง เสียหายรวม 80,697 บาท ฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ กรณีตัวอย่าง “อย่ากู้เงินทางออนไลน์เด็ดขาด”
นายพีระพันธ์ กล่าวว่า เห็นโปรรวมหนี้ลดต้นลดดอกของธนาคารหนึ่ง เผยแพร่ในติ๊กต็อก จึงสนใจขอกู้เงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อนำมาปิดหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ตรวจสอบเป็นโปรโมชั่นเดียวกันกับที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของธนาคารนั้น จึงกดลิงก์เข้าระบบเพื่อทำธุรกรรม ก่อนระบบพาไปสนทนาพูดคุยในไลน์ อ้างว่าเป็น Line Official ของธนาคาร มีการกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน แจ้งบัญชีธนาคารสำหรับรับโอนเงิน ขณะทำรายการเป็นช่วงหลังเวลา 16.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ระบบตอบกลับอัตโนมัติ ก่อนเชื่อมโยงไปยังพนักงานสินเชื่อ ถามตอบกันโดยตรง ทิ้งช่วงพิจารณาสินเชื่อ และอนุมัติภายในเวลา 1 ชั่วโมง ยอดเงินกู้ 200,000 บาท ปรากฏว่าได้จริง ๆ
นายพีระพันธ์ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นระบบแจ้งว่า จะโอนเงินเข้าบัญชีของตนภายใน 10 นาที แต่พอผ่านไป 10 นาที ปรากฏว่า เงินยังไม่เข้าบัญชี เมื่อตรวจสอบดูในระบบพบว่า กรอกข้อมูลผิดพลาด พบว่าเลขบัตรประชาชนกับเลขบัญชีธนาคาร สูญหายไปอย่างละ 1 ตัว พนักงานในระบบไลน์โทรฯ ทางไลน์แจ้งว่า ลูกค้าทำรายการผิดพลาด แก้ปัญหาโดยการโอนเงิน 30,190 บาท เข้าบัญชี ตามเอกสารของทางธนาคารที่แจ้งผ่านทางไลน์ ซึ่งเอกสารมีลายเซ็นกำกับ พ่วงกับเอกสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้น่าเชื่อถือคิดว่าเป็นเอกสารของทางธนาคารจริงๆ ตนจึงขอดูบัตรพนักงานของผู้ที่ติดต่อพูดคุย ซึ่งก็มีการแสดงบัตรพนักงานจริงๆ จึงตัดสินใจโอนเงินไปตามรหัสโค้ด จำนวน 30,190 บาท พร้อมกับทำรายการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดในรอบแรก
นายพีระพันธ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาพนักงานแจ้งว่า ลูกค้าทำรายการผิดพลาดอีกแล้ว อ้างมีการเขียนโน้ตลงในเอกสารสลับการโอนว่า แก้ไขความผิดพลาด ก่อนแจ้งรหัสโค้ดให้โอนเงินเข้าระบบอีกรอบ แจ้งว่ามีข้อผิดพลาดซ้ำ ทำให้ระบบธนาคารต้องรอคิวการอนุมัติวงเงินของรายอื่นๆ อีกเป็น 10 ราย แต่ติดปัญหาที่เราคนเดียว ธุรกรรมเดินไปแล้ว จะหยุดไม่ได้ จึงแจ้งให้โอนรอบที่ 2 อีกจำนวน 50,507 บาท ตามเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เป็นการทำสินเชื่อีกรอบหนึ่ง ซึ่งทำให้เราเชื่อสนิทใจว่าเป็นเงื่อนไขของทางธนาคารจริงๆ จึงโอนเงินไปอีกรอบ
นายพีระพันธ์ กล่าวอีกว่า พบว่าในระบบขึ้นยอดเงินที่เราโอนไป 2 รอบ 80,697 บาท บวกกับยอดสินเชื่อ 200,000 บาท รวมเป็นยอดเงิน 280,697 บาทจริงๆ ทำให้เราเชื่อสนิทใจว่า สามารถกู้เงินได้จริงๆ จากนั้นพนักงานที่พูดคุยกันทางไลน์ แจ้งรหัสโค้ดตัวเลข 6 หลัก มาให้เพื่อนำไปใช้ในการเบิกเงิน ตนจึงพยายามสอบถามให้แน่ใจว่า ใส่รหัสโค้ดได้เลยใช่หรือไม่ เพราะรหัสโค้ดกำหนดเวลาแค่ 10 นาที ปรากฏว่าไม่มีการตอบกลับใดๆ ตนจึงตัดสินใจใส่รหัสโค้ดก่อนหมดเวลา
เซลส์หนุ่ม กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อใส่รหัสไปแล้ว มีเสียงตอบกลับอัตโนมัติแจ้งว่า “….ทำไมไม่รอพนักงานให้ใส่รหัสพร้อมกัน…” ตนจึงเริ่มสงสัยว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่ และมีข้อความแจ้งมาว่า ให้หาเงินจำนวน 280,697 บาท (อีก 1 เท่าตัว) เข้ามาในระบบอีกรอบหนึ่ง ตนจึงแน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงแน่นอน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปหาเงินมาใส่ในระบบอีกจำนวนมาก เพราะเงินที่โอนเข้าไปในระบบ 2 รอบ ก็เป็นเงินที่หาหยิบยืมจากคนอื่นมา ซึ่งครั้งล่าสุด ตนขอยืมเงินจากคนสนิทอีก 2 แสนบาท พร้อมบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง เพื่อเตือนสติว่า “มึงถูกหลอกแล้ว”
เซลส์หนุ่ม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อตรวจสอบทางธนาคารดังกล่าวกับทางสำนักงานใหญ่ ก็ตอบกลับมาว่า ไม่มีการทำธุรกรรมรูปแบบนี้ และมาเอะใจอีกว่า ไม่มีธนาคารไหนให้ทำธุรกรรมกู้เงินหลัง 16.30 น. ของวันอาทิตย์ จึงมั่นใจว่าถูกหลอก ก่อนตัดสินใจแจ้งความกับทางตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา และแจ้งตำรวจไซเบอร์ 1441 และแจ้งอายัดบัญชีเรียบร้อยแล้ว
“มาถึงวันนี้ อยากฝากถึงรัฐมนตรีดิจิทัล ที่ดูแลเกี่ยวกับอาชญากรรมเทคโนโลยี ให้หาวิธีปราบปรามมิจฉาชีพพวกนี้ให้หมดสิ้นเสียที เพราะสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เท่าที่สอบถามที่ สภ.เมือง พบว่ามีผู้เสียหายมาแจ้งความถูกหลอกลักษณะเดียวกันไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ราย เกิดความเสียหายจำนวนมาก ที่สำคัญฝากเตือนภัย อย่าทำธุรกรรมกู้เงินออนไลน์เด็ดขาด อย่าเห็นแค่ความง่ายของการกู้สินเชื่อ อย่าให้ใครมาตกเป็นเหยื่ออีก ให้ตนเป็นตัวอย่าง รู้สึกเสียดายเงิน กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท เลือดตาแทบกระเด็น ไม่ง่ายเลย” นายพีระพันธ์ กล่าว