สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ว่ามีผู้เสียชีวิตจากระเบิดคลัสเตอร์ หรือระเบิดลูกปราย ในยูเครนมากกว่า 1,000 ราย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากการสู้รบ ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในโลก ตามรายงานประจำปีขององค์กรความร่วมมือด้านระเบิดคลัสเตอร์ (ซีเอ็มซี) โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในปี 2565 หรือช่วงต้นของสงคราม
ระเบิดลูกปรายสามารถทิ้งจากเครื่องบิน หรือยิงจากปืนใหญ่ ลูกระเบิดชนิดนี้จะระเบิดในอากาศและกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ถือเป็นภัยคุกคามที่กินระยะเวลา เนื่องจากลูกระเบิดจำนวนมากที่ยังไม่ระเบิด ยังสามารถระเบิดได้ในอีกหลายปีต่อมา เช่นเดียวกับทุ่นระเบิด
ก่อนหน้านี้ ยูเครนไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากระเบิดคลัสเตอร์มานานหลายปี จนกระทั่งปี 2565 ซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตแตะ 916 ราย ส่วนสถิติของผู้เสียชีวิตจากระเบิดคลัสเตอร์ในยูเครน คิดเป็นเกือบครึ่งของสถิติทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 219 ราย
นายโลเรน เพอร์ซี หัวหน้าฝ่ายผลกระทบของซีเอ็มซี กล่าวว่า แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง แต่ยังมีการโจมตีด้วยระเบิดชนิดดังกล่าวในยูเครนเมื่อปีที่แล้ว และแม้ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต แต่หากพิจารณาถึงผลกระทบ ตามที่สื่อและรัฐบาลรัสเซียอวดอ้าง อาจมีผู้เสียชีวิตเกือบ 900 ราย เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งยูเครนและรัสเซียยังคงใช้ระเบิดคลัสเตอร์ จึงยังไม่สามารถบันทึกและระบุได้อย่างเป็นทางการ ว่าฝ่ายใดต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีหรือการสูญเสีย
ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนไม่อยู่ใน 112 ประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวง ฉบับปี 2551 ซึ่งห้ามการใช้ แลกเปลี่ยน ผลิต หรือจัดเก็บระเบิดคลัสเตอร์ ขณะที่ประเทศอื่นซึ่งมีรายงานการใช้ระเบิดพวง และไม่เป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้เช่นกัน ได้แก่ เมียนมา และซีเรีย
ด้านสหรัฐซึ่งไม่ใช่ภาคีของสนธิสัญญาฉบับนี้เช่นกัน ถูกวิจารณ์ถึงการตัดสินใจ เมื่อเดือน ก.ค. 2566 ในการส่งมอบระเบิดพวงให้กับยูเครน โดยมีการส่งมอบอย่างน้อย 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 9 เดือน หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติคำสั่ง
อนึ่ง สถิติเมื่อปี 2566 ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากระเบิดคลัสเตอร์ทั่วโลกอยู่ที่ 118 ราย โดย 101 รายเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในยูเครน ซีเรีย และเมียนมา ส่วนผู้เสียชีวิตที่เหลือมาจากอีก 6 ประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน อิรัก ลาว เลบานอน มอริเตเนีย และเยเมน.
เครดิตภาพ : AFP