เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ การก่อสร้าง “พระธาตุบุญค้ำฟ้า” ที่วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม หมู่ที่ 4 ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร หลังจากมีพระสงฆ์และชาวบ้านแจ้งว่า ถูกช่างก่อสร้างหลอกเอาเงินไปกว่า 3 ล้านบาท แต่การก่อสร้างไม่คืบหน้า มีเพียงแค่ “เสาปูน” โผล่ออกมาให้เห็น โดยนายวันดี ศิริบุรี อายุ 77 ปี และนางสมบัติ ศิริบุรี อายุ 75 ปี หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านเล่าให้ข้อมูลว่า “พระธาตุบุญค้ำฟ้า” จะต้องใช้งบก่อสร้างในเบื้องต้น 5 ล้านบาท เริ่มทำสัญญากับช่างรับเหมาฝีมือรายหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 67 และวันที่ 29 มกราคม 67 หัวหน้าช่างได้ขอเบิกเงินงวดที่ 1 ไปจำนวน 800,000 บาท โดยอ้างว่าไม่มีเงินสำรองในการซื้ออุปกรณ์ และอ้างว่าบริษัทตนเองเพิ่งเปิดใหม่ ทางวัดเห็นว่าเป็นช่างที่มีฝีมือดี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการ ต่อมาทีมช่างก็ได้เข้ามาเริ่มทำงานในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อดำเนินงานเจาะเสาเข็มวางฐานจนเสร็จ และก็ได้ขอเบิกเงินงวดที่ 2 จำนวน 800,000 บาท จากนั้นนายช่างแจ้งกับทางวัดว่า บริเวณก่อสร้างอยู่บนรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ต้องปรับโครงสร้างเสาเข็มใหม่ จึงขอเบิกเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท
แต่ทางวัดยังขาดปัจจัย จึงขอให้ช่างมาแก้ไขสัญญาใหม่และขยายขอบเขตงาน พร้อมระยะเวลาการก่อสร้างออกไปจนถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่จะมีเงินกฐินมาสมทบ และในสัญญานั้นได้ระบุว่า ให้ช่างเบิกเงินตามความคืบหน้าของงานเป็นงวด ๆ ซึ่งก็ได้ขอเบิกเงินอีกเป็นงวดที่ 3 จำนวน 700,000 บาท ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 โดยอ้างอีกว่าจะนำไปซื้อเหล็กเพราะบริษัทไม่มีเงินทุนสำรอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่วัดจำใจต้องจ่ายเพิ่มเพราะอยากจะยกเสาเอกในระหว่างเข้าพรรษาปีนี้ ประกอบกับเจ้าภาพต่าง ๆ ที่ทำบุญมา ก็ทยอยล้มหายตายจากไปทีละคน ทางวัดจึงจำเป็นต้องโอนเงินให้ช่างงวดที่ 3 จากนั้นช่างได้เข้ามาทำงานประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อเจาะเสาเข็มรอบใหม่ใกล้เสร็จ จึงขอเบิกอีกงวดที่ 4 จำนวน 700,000 บาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 67
หลังรับเงินไป ปรากฏว่า นายช่างผู้รับเหมา ไม่ได้มาดำเนินการก่อสร้างต่อ ซึ่งทางวัดได้สอบถามว่าจะเริ่มทำต่อเมื่อไหร่ ได้คำตอบว่าอีก 14 วัน รอปูนเซตตัวจะกลับมาทำงานต่อ ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดแล้ว แจ้งวัดกลับมาอีกว่า 24 วันจะมา ซึ่งก็ไม่ได้มาตามนัด จนชาวบ้านเกิดความสงสัยและสอบถาม จนมีข้อถกเถียงกันในกลุ่มไลน์ เจ้าอาวาสจึงนัดให้นายช่างและวิศวกรมาชี้แจงในวันที่ 24 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ชาวบ้านหายข้อสงสัย (ตามคลิปไลฟ์สดเพจวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม) ซึ่งในไลฟ์สด ได้มีการโต้เถียงถึงความไม่เป็นธรรม และระยะเวลาการก่อสร้างที่ยาวนานเกินไป จนขณะนี้เข้าเดือนที่ 8 แล้ว ทำให้ชาวบ้านเกิดความวิตกกังวลว่าจะถูกหลอกลวง เพราะยอดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงถึง 5 ล้านบาท แต่ถูกเบิกเงินไปแล้วเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าโมเดลของพระธาตุบุญค้ำฟ้า ที่เบิกไปแล้ว 150,000 บาท ซึ่งรวมยอดเสียหายทั้งหมด 3,150,000 บาท แต่ได้เพียงเสาเข็มและเหล็กกองอยู่ข้างกำแพงวัด
ผลการพูดคุยเจรจาวันดังกล่าว ได้มีข้อยุติว่าจะนำโมเดลการก่อสร้างมาส่องมอบ โดยจากเดิมต้องส่งเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และเข้ามาทำสัญญารอบที่ 3 ภายในวันที่ 10 กันยายน 2567 แต่ก็ไม่มาตามนัด จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความยัง สภ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีกับช่างผู้รับจ้าง พร้อมทั้งขอร้องทุกข์ผ่านผู้สื่อข่าวในจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อผ่านไปยัง “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ทนายกองทัพธรรม หรือ ทนายกระดูกเหล็ก ให้ช่วยเหลือติดตาม เนื่องจากเป็นเรื่องที่สะเทือนใจญาติโยมอย่างยิ่ง หลายคนร้องห่มร้องไห้ กลัวจะตายก่อนได้เห็นพระธาตุบุญค้ำฟ้า ที่ตนเองร่วมกันสร้าง
ด้าน นายอนันต์ ทองดอนเถื่อน อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านทุ่งสนุ่นใต้ อ.บึงสามัคคี เล่าว่า เดิมทีวัดมีการสร้างพระธาตุข้าวเปลือกที่สวยงาม เพื่อทำพิธีประเพณีบุญสู่ขวัญข้าวของหมู่บ้านมานานกว่า 10 ปี ซึ่งจะต้องใช้ข้าวเปลือกนำมาก่อสร้างให้เป็นเจดีย์และใช้กำลังพลจำนวนมาก แต่เนื่องจากคณะกรรมการผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็ล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา ซึ่งได้มีการประชุมหารือเพื่อจัดสร้างพระธาตุข้าวเปลือกแบบถาวร โดยใช้ชื่อว่า “พระธาตุบุญค้ำฟ้า” ซึ่งก็ได้แรงทำบุญจากชาวบ้านในวันพระ คนละเล็กละน้อยและกองบุญกฐินผ้าป่าในแต่ละปี ซึ่งยอดเงินที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 5 ล้าน จากนั้นได้ว่าจ้างช่างผู้รับเหมาท่านหนึ่ง มาทำการสร้างพร้อมกับทำสัญญากันไว้ ขณะนี้ล่วงเลยไป 8 เดือนแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง
ขณะที่ พระมหาอภิชาติ กิตติวรัญญู เจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม กล่าวว่า สมัยก่อนในพื้นที่โดยรอบของวัด ชาวบ้านจะเกี่ยวข้าวและแบ่งมาทำเป็นธาตุข้าวเปลือก สืบสานกันมานานกว่า 10 ปี ด้วยความที่ว่าชาวบ้านแก่ชราลงทุกวัน โครงสร้างเดิมก็เป็นเหล็ก เกิดการทรุดโทรมเสียหาย โดยได้มีมติให้สร้างพระธาตุองค์จริงขึ้นมา ให้ชื่อว่า “พระธาตุบุญค้ำฟ้า” ซึ่งได้จัดทำกฐินผ้าป่าเพื่อสมทบทุนในการสร้าง จากนั้นก็ไปเจอช่างฝีมือท่านหนึ่ง มีโปรไฟล์ดีที่ทำด้านประติมากรรม ซึ่งช่างผู้รับเหมาบอกว่าไม่มีเงินสำรองจ่าย ทางวัดจึงควักจ่ายไปก่อน ผ่านไปถึง 7 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง ทำให้เป็นที่กังวลของชาวบ้าน โดยได้ทำการขอเบิกเงินไปกว่า 3,150,000 บาท
สุดท้ายได้มีการเรียกมาชี้แจงและไลฟ์สดผ่านเพจของวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะถูกหลอกอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้จึงได้ข้อยุติว่า ทั้งโมเดลมูลค่า 1.5 แสนบาท และการก่อสร้างรอบใหม่ จะเข้ามาทำต่อในวันที่ 10 กันยายน 2567 แต่ก็ไม่มาตามสัญญา จึงทำให้ต้องมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งก็ไม่คิดว่าการไว้ใจดังกล่าว จะนำมาถึงความทุกข์ใจของญาติโยมที่ทำบุญ จึงขอให้ท่านผู้รู้อย่างทนายอนันต์ชัย เข้ามาช่วยเหลือทางวัดในเรื่องดังกล่าวด้วย.