ยังคงเป็นกระแสที่หลายคนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องสำหรับวิกฤติละครไทยที่คนดูน้อยลง ทำให้ส่งผลกระทบหลายช่อง ในขณะเดียวกันผู้จัดบางคนถึงกับต้องตัดสินใจปิดบริษัท เนื่องจากไม่มีงานละครให้ทำ

ล่าสุด “อ้อย-พิยดา อัครเศรณี” นักแสดงชื่อดังและเป็นผู้บริหารค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมงานแถลงข่าว ”Flex 104.5 | PMCU | DV8 SIAM HALLOWEEN presented by มาม่า“ พี่สื่อมวลชนจึงเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับวิกฤติดังกล่าวว่า ค่ายของเธอนั้นที่เธอเป็นผู้จัดได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ ซึ่งด้านสาวอ้อมก็เผยว่า

“ถ้าถามถึงได้รับผลกระทบอะไรไหมจากวิกฤติละครไทย ในฐานะผู้จัดคนหนึ่งก็หลังจากที่จบเรื่อง สืบลับหมอระบาด เราก็มาลุยงานในส่วนของการทำ Flex104.5 ค่อนข้างเยอะมาก ทำให้ยังไม่ได้เสนอละครเรื่องใหม่ ที่ผ่านมาเลยได้มีแค่การพบปะพูดคุยกัน แล้วก็เห็นจากข่าวว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรียกได้ว่าเราต้องปรับตัวมากกว่า เพราะทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว พอดีว่าธุรกิจที่เราทำอยู่ทั้งฝั่งในส่วนที่เราเป็นผู้จัดละครหรือฝั่งที่เราทำวิทยุ มันเป็นธุรกิจที่ต้องอยู่กับวัยรุ่น เราก็เลยได้มีการปรับตัวของเราและพอที่จะทราบว่าสมัยนี้เขาดูอะไรกันชอบอะไรกัน อย่างตอนนี้เราก็มีเรื่องมีพล็อตอยู่แล้วก็พยายามตอบโจทย์ของทุกฝ่าย”

“ส่วนการเสนอละครเรื่องใหม่จะยากขึ้นไหม เราเองก็ได้ข่าวในส่วนนี้อยู่ อย่างที่บอกว่าเราก็ต้องปรับตัวนั่นแหละ ตามให้ทันยุคและคนเจนฯ นี้ ซึ่งก็คิดว่าน่าจะยังทำงานอยู่ได้ ก็ได้มีการคุยกันในหมู่ผู้จัดค่ะ ปรึกษากัน อย่างพี่นกชาย (นก ฉัตรชัย) ก็ได้มีคุยกันตอนที่เล่นบางกอกคณิกา รวมถึงอีกหลายๆ ท่านด้วย ถามว่าแต่ละคนเริ่มถอดใจไหม มันก็มีความรู้สึกอย่างนั้นด้วยแหละ ซึ่งเราก็เชื่อว่ามันไม่ใช่แค่วงการบันเทิงหรอก ตอนนี้เรียกว่าทั้งโลกเลยที่เศรษฐกิจไม่อำนวย ไหนจะเจนเนอเรชั่นและสื่อโซเชียลต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าถามว่าเราเชื่อว่าละครไทยมันจะไม่หายไปจากทีวี เราคิดว่ามันจะแคบขึ้น เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ถามว่าใจหายไหม ไม่ได้ใจหายแต่เรียกว่ายอมรับและเข้าใจมันมากกว่า แต่ก็แค่รู้สึกว่าเราผ่านมันมาทุกการเปลี่ยนผ่านเหมือนกัน ทุกอย่างมันเป็นภาพความทรงจำที่ดี แล้ววันนี้มันก็จะเป็นอีกหนึ่งภาพความทรงจำในอนาคต เราก็สนุกกับมันดีกว่า”

“ส่วนเรื่องจะมีโอกาสมาจับซีรีส์วายหรือซีรีส์เกิร์ลเลิฟบ้างไหม ก็มีติดต่อเข้ามาค่ะ ยอมรับว่าอยากทำมากเลย แต่ว่ามันยังติดงานวิทยุอยู่ แต่ตอนนี้ก็อยากทำซีรีส์ที่เป็นละครก่อน ซึ่งกำลังทำอยู่ แต่ไม่ได้เล่นเอง พยายามจะเล่นหลายทีแล้วแต่มันไม่รอดสักครั้ง พอเป็นผู้จัดเราก็จะเอาใจไปในส่วนของบทของโปรดักชั่น เลยคิดว่าน่าจะทำได้ไม่ดีถ้าเกิดเราจะแบ่งใจมาแสดงด้วย ฉะนั้นถ้าเรื่องไหนที่เราเป็นผู้จัดก็จะไม่ได้เล่นจริงจัง แต่ว่าปีหน้าก็มีโปรเจกต์ในส่วนที่เป็นนักแสดงอยู่ค่ะ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก aomphiyada