จากการเปิดปฏิบัติการ “จันทบูร” นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี มาทำการแจ้งข้อกล่าวหา ตามความผิดมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต และมาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ แจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี 2. นายภูวนาถ บำรุงพันธุ์ อดีต ผอ.กองแผน 3.พระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ หรือ พระครูปลัดณัฐดนัย เจ้าอาวาสวัดสุทธิวารี เจ้าคณะอำเภอสอยดาว และ กรรมการมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี 4.นายเกศสยาม ร่วมดีหจก.สยามช่างบูรพา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าเอกสารต่างๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ทางกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทุจริตเงินงบสนับสนุนมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี ที่ได้รับจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี หรือ อบจ.จันทบุรี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมูลนิธิฯ เมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสพร้อมสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ จนพบความผิดปกติเงินงบประมาณสนับสนุนประจำปี 2554-2555 ในส่วนของการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิฯ เนื่องจากตรวจสอบเอกสารรายงานงบประมาณจัดจ้างและเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องต่างๆ พบตัวเลขเงินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่ตรงกับจำนวนเงินงบประมาณที่เบิกจ่าย จึงแกะรอยสืบหาเบาะแสและพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนพบความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระทำผิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับสูง รวมถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีตำแหน่งอยู่ในมูลนิธิฯ 

แบบเปลนเท็จ 30 ล้าน

ทุจริตดังกล่าวเริ่มต้นจาก นายธนภณ ในฐานะนายก อบจ.จันทบุรี ได้อนุมัติเงินงบประมาณอุดหนุนของปีงบประมาณ 2554 และปีงบประมาณ 2555 รวมจํานวน 30 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี เมื่อได้รับเงินอุดหนุนจํานวนดังกล่าวแล้ว มูลนิธิฯได้ว่าจ้าง หจก. สยามช่างบูรพา ก่อสร้างอาคารสํานักงานมูลนิธิฯ เพียง 12.7 ล้านบาทเศษ คงเหลือเงินอีกจํานวน 17.26 ล้านบาทเศษ ซึ่งเงินในจำนวนนี้ทางมูลนิธิฯ ต้องส่งคืนให้กับ อบจ.จันทบุรี แต่นายธนภณ ซึ่งในอีกบทบาทหนึ่งยังดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการของมูลนิธิฯ มีหน้าที่ควบคุมกิจการของมูลนิธิฯ ตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิฯ ตามกฎหมาย และทราบข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี กลับไม่ยอมส่งคืนเงินที่เหลือดังกล่าวกลับคืนให้กับ อบจ.จันทบุรี อีกทั้งต่อมายังให้นายภูวนาถ อดีต ผอ.กองแผน และงบประมาณ อบจ.จันทบุรี และเจ้าหน้าที่ของ อบจ.จันทบุรี มาจัดทําเอกสารให้กับมูลนิธิฯ ด้วยการทําสัญญาจ้างก่อสร้าง ค่าจ้าง 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำเอกสารเท็จขึ้นมา โดยมีพระครูสุทธิตารกาภิรักษ์ ที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิกมูลนิธิ กับ นายเกศสยาม ร่วมกระทำผิดด้วย จากนั้นจึงนำสัญญาเท็จที่ทำขึ้นมาฉบับดังกล่าวไปแนบประกอบรายงานผลการดําเนินการให้ อบจ.จันทบุรี เพื่ออำพรางปกปิดการทุจริต นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าที่ผ่านมามูลนิธิดังกล่าวยังไม่เคยรายงานข้อมูลการดําเนินงานข้อมูลเกี่ยวกับการประชุมใหญ่สามัญประจําปีอีกด้วย 

แบบเปลนสร้างจริง 12.7 ล้าน

สำหรับพุทธมณฑลประจำจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีสิ่งปลูกสร้างอาคารสำหรับปฏิบัติธรรมต่างๆมากมาย ทั้งนี้จากการตรวจสอบเงินงบประมาณที่มูลนิธิพุทธมณฑลจังหวัดจันทบุรี ได้รับจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี (อบจ.จันทบุรี) เฉพาะเพียงจากวันที่ก่อตั้งเมื่อปี 2552 ถึงปี 2556 ช่วงระยะเวลาประมาณ 5 ปี พบได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 106 ล้านบาท 

หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเงินงบประมาณตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบว่า นอกเหนือจากโครงการดังกล่าวที่ถูกทุจริตแล้วยังมีการทุจริตเงินงบประมาณโครงการอื่นๆ อีกหรือไม่ต่อไป.