เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล ประธานจิตอาสา ผู้ก่อตั้งเพจ “นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” พร้อมทีมทนาย ได้เดินทางไปยังบ้านบารมีสักลายมือเศรษฐีอาจารย์หญิง ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกอดีตดาราสาวและเป็นเน็ตไอดอลชื่อดัง หลอกขายนาฬิกา และกระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
น.ส.ดวงพร สุภนาม หรืออาจารย์หญิง เล่าว่า เริ่มแรกหญิงสาวคนดังกล่าวได้ติดต่อมาผ่านทางหุ้นส่วนของตนผ่านทางบริษัท เนื่องจากเห็นว่าหุ้นส่วนคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ จึงทักเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ ต้องการนำนาฬิกาหรูยี่ห้อหนึ่งมาจำนำ อ้างว่านาฬิกาเรือนละ 430,000 บาท อยากจะนำมาจำนำไว้ 300,000 บาท ทางหุ้นส่วนไม่มีความรู้ด้านนาฬิกา จึงได้ให้หญิงสาวคนดังกล่าวเข้ามาที่บริษัท และเข้ามาพูดคุยกับตนเอง
พอหญิงสาวคนดังกล่าวมาถึงที่ออฟฟิศได้เจอตน ก็สอบถามทันทีว่าอาจารย์แม่ดูดวงด้วยหรือ เคยเห็นอาจารย์แม่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย จึงได้มีโอกาสเข้าไปนั่งคุยกันในห้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความที่ตนมีเซนส์จึงได้ทักหญิงสาวว่ากำลังมีปัญหาต่างๆ มากมาย เขาก็ยอมรับว่าตนเองนั้นมีปัญหาหนี้สินได้ไปกู้หนี้ยืมสิน มีการกู้เงินนอกระบบ เป็น 10 กว่าเจ้า จึงต้องการนำนาฬิกาเรือนนี้มาจำนำ พอตนเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสาร จึงรับนาฬิกานี้ไว้ แล้วบอกว่าลูกศิษย์ของตนนั้นมีคนที่รับจำนำนาฬิกาเยอะ จึงจะติดต่อให้โดยไม่เอะใจเลยว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวจะปลอม หรือมีปัญหาใดๆ คิดเพียงแต่ว่าอยากจะช่วยเหลือ
หลังจากนั้นช่วงกลางคืน หญิงสาวคนเดิมได้ส่งรูปภาพเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมมาให้ดู 2 ใบ อยากให้นำกระเป๋าไปฝากขายให้ด้วย โดยบอกว่าใบหนึ่ง ซื้อมาราคา 120,000 กว่าบาท อีกใบหนึ่งซื้อมาในราคา 130,000 กว่าบาท แต่อยากจะได้เงินใบละประมาณ 55,000 กว่าบาท จากนั้นตนได้ส่งนาฬิกาและกระเป๋าไปให้ลูกศิษย์ดูเผื่อว่าใครจะสนใจ จู่ๆ มีลูกศิษย์ถามกลับมาว่านี่เป็นกระเป๋าของใคร และบอกว่ากระเป๋านั้นเป็นของปลอมทั้งหมด ทำให้ตนถึงกับตกใจ แย่ไปกว่านั้นนาฬิกาที่ให้ลูกศิษย์ไปเพื่อจำนำก็เป็นของปลอมเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ลูกศิษย์ของตนที่เชี่ยวชาญด้านกระเป๋าแบรนด์เนมว่าให้ตนลองไปสอบถามหญิงสาวว่า มีกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้หรือไม่ พอตนไปถามปรากฏว่าหญิงสาวคนดังกล่าวมีกระเป๋าแบรนด์เนมแทบทุกใบ จนถึงบางอ้อ เริ่มจะเข้าใจว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นใช้กระเป๋าแบรนด์เนมปลอมไปแลกกับเงินสดราคาแพง แต่ที่เป็นปัญหาสำหรับตนมากก็คือนาฬิกา ได้ส่งให้น้องคนหนึ่งซึ่งพร้อมที่จะโอนเงินมาให้ตน เพราะหลงเชื่อคิดว่าเป็นของจริง ปรากฏว่าพอน้องทราบว่าเป็นของปลอมก็ไม่พอใจตน คิดว่าตนไปหลอกขายของปลอมให้ จึงทำให้ตนเสียชื่อเสียง
ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าวก็โทรฯ ทวงเงินตนตลอดทั้งคืน ตนก็ไม่โอนให้ และพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์มือถือโดยตรง บอกให้หญิงสาวยอมรับความผิดว่าได้นำนาฬิกาและกระเป๋าของปลอมมาหลอกให้ตนฝากขายให้ จนกระทั่งหญิงสาวได้ยอมรับความจริงว่า เขาได้ทำแบบนี้เพราะร้อนเงินและจำเป็นต้องใช้เงิน
ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย น.ส.ฐานิตตา จำเริญ อายุ 42 ปี อาชีพนักธุรกิจส่วนตัว รับซื้อ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนม เล่าว่า ตนเปิดร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม ดาราสาวคนดังกล่าวได้แอดไลน์ของทางร้านมา และมีการสอบถามว่ารับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมใบนี้หรือไม่ ครั้งแรกส่งมา 1 ใบ ได้มีการพูดคุยรายละเอียดกันผ่านทางไลน์ หลังจากนั้นหญิงสาวคนนี้ก็พยายามเร่งเพื่อให้ทางร้านโอนเงินให้ พอช่วงค่ำของวันเดียวกันดาราสาวคนดังกล่าวก็ได้ทักมาอีก แล้วส่งกระเป๋ามาให้อีก 2 ใบ สอบถามว่ารับจำนำกระเป๋าเพิ่มหรือไม่ อ้างว่าตนเองต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงิน อยากให้โอนเงินให้เลย
ทางร้านจึงบอกว่าขออนุญาตเช็กสินค้าก่อน แต่ดาราสาวคนดังกล่าวอ้างว่าได้นำกระเป๋าทั้งหมดไปตรวจสอบกับร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ซึ่งรู้จักสนิทสนมกับผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายชะล่าใจ ไม่ได้ตรวจดูกระเป๋าแบรนด์เนม หลังจากนั้นทางร้านก็ได้ให้หญิงสาวคนดังกล่าวเซ็นเอกสารระบุข้อความว่า “กระเป๋าใบดังกล่าวนั้นเป็นของแท้” โดยมีการแนบสำเนาบัตรประชาชน ตนจึงตัดสินใจโอนเงินไปให้อีก 1 แสนกว่าบาท พอวันถัดมาจึงได้มาตรวจดูกระเป๋าพบว่ากระเป๋ามีความผิดปกติทั้งเนื้อของกระเป๋าและตัวการ์ด จึงพยายามติดต่อหญิงสาว ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้เลย จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้
ต่อมาดาราสาวคนดังกล่าวติดต่อกลับมาบอกว่าตนเองนั้นเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่สามารถติดต่อได้ แต่ตนเห็นว่าใน IG ของหญิงสาวคนนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศจริง นอกจากนี้ยังทราบจากเพื่อนๆ กลุ่มร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมว่าหญิงสาวคนนี้นำกระเป๋ามาหลอกขายแล้วหลายครั้ง โดยมูลค่าความเสียหายของตนเองนั้น รวมแล้วกระเป๋า ทั้ง 3 ใบ เป็นเงิน 162,000 บาท ซึ่งตอนนี้ได้มีการแจ้งความแล้วอยู่ระหว่างตำรวจออกหมายเรียก.