เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. พร้อมคณะ ร่วมกับผู้แทนจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร“ ระดมกำลังตรวจค้นจับกุมตู้ซิม ที่ลงทะเบียนให้กับคนร้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ เพื่อตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ซิมผี บัญชีม้า SMS และ Social Media Platform
สำหรับยุทธการระเบิดสะพานโจร ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในห้วงวันที่ 1-10 ต.ค. ที่ผ่านมา ศปอส.ตร. ได้ระดมกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนข้อมูลจาก กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่าย เข้าตรวจค้นตู้ซิม ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศที่จำหน่าย และลงทะเบียนซิมให้คนร้าน 647 ร้านค้า ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ และดำเนินการกับผู้ลงทะเบียนให้กับคนร้าย
โดยผลการตรวจค้นสามารถจับกุมดำเนินคดีกับร้านค้าในความผิดซึ่งหน้ากว่า 20 ร้านค้า พร้อมตรวจยึดของกลาง อาทิ ซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม, อุปกรณ์ SIM BOX จำนวน 131 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 575 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 23 เครื่อง และเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงานของบุคคลต่างด้าว สำหรับใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์อีกหลายรายการ ที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการใช้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจคันตู้ซิมที่เป็นเป้าหมายทั้งประเทศ พบช่องว่างของการลงทะเบียน 2 ส่วน คือ 1.การถือครองซิมเป็นจำนวนมากโดยคนร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนประกาศของ กสทช. ในการถือครองซิมไม่เกิน 5 ซิม
2.การลงทะเบียนซิมออนไลน์ ระบบไม่สามารถตรวจจับการลงทะเบียนที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น การอัปโหลดรูปภาพที่ไม่ใช่ตัวเอง สามารถอัปโหลดสิ่งใดก็ได้ หรือการพิมพ์ข้อความชื่อ หรือข้อความอื่นที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร โดย ศปอส.ตร. จะมีการหารือร่วมกับ กสทช. และทางผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นการเร่งด่วน
นอกจากนี้ ศปอส.ตร. จะมีการตรวจสอบเบอร์โทรฯ ที่คนร้ายใช้โทรฯ เข้ามาหลอกประชาชน ที่มีการแจ้งในระบบ Thaipoliceonline ว่าตู้ซิมใดเป็นผู้ลงทะเบียนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ซึ่ง ศปอส.ตร. เชื่อว่าคนร้ายที่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่สามารถติดต่อหรือหลอกลวงคนไทยได้ ถ้าไม่มีตู้ซิมหรือผู้ที่รับผิดชอบไปช่วยเหลือลงทะเบียนซิมให้กับคนร้าย หรือระบบการลงทะเบียนที่เอื้ออำนวยให้กับคนร้ายไปลงทะเบียนโดยไม่สามารถทราบว่าเป็นใคร พร้อมฝากเตือนไปยังร้านค้าตู้ซิมที่รับลงทะเบียนให้กับคนร้ายคอลเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ที่ไปช่วยเหลือการลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีความผิดทางกฎหมาย และย้ำว่าจะดำเนินการยุทธการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปจากประเทศไทย ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล.