สร้างรอยยิ้มและความสนุกพร้อมเสียงหัวเราะให้คนมากมายสำหรับ ชูษี เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดังว่าในอดีตช่วงที่คาเฟ่รุ่งเรืองได้เงินเป็นล้นหลามนั้น ตัวเองก็หลงมัวเมาในแสงสีจนแทบไม่มีเงินเก็บเพราะมีเข้ามาก็ใช้ออกไป แต่ยังดีที่กลับตัวทันเพราะลูก พร้อมยังเล่าเรื่องราวก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงตลกอย่างเต็มตัวผ่านรายการ Club Friday Show โดยตลกดังเล่าว่า

“เรื่องเข้าวงการตลก ตอนนั้นที่วงให้เราไปช่วยเขาตีกลองรับจังหวะมุกที่เขาเล่นกันบทเวที (แบบนั้นก็กินข้าวกินน้ำไป มือเท้าเราก็ตีกลองให้จังหวะเขาไป) เราก็เลยรู้จังหวะหมดว่าเขาจะพูดอะไรจะทำอะไรกัน แล้วก็มีวันหนึ่งตลกขาด ตอนนั้นก็ไม่มีใครแล้วก็เป็นเราที่ขึ้นไปเล่น แต่พอไปอยู่หน้าเวทีคือ พูดอะไรไม่ออกเลยครับ มือไม้สั่นไปหมด คนดูนั่งข้างๆ ตบหัวเราะเลยว่า เราว่าข้างล่างอย่างกับนกหวีดร้อง แต่พอขึ้นสังเวียนสุนัขไม่รับประทาน (หัวเราะ) แต่ต้องยอมรับเลยว่าคาเฟ่ตอนนั้นที่ผมอยู่กับพี่โน้ต คือผมได้วันละเป็นหมื่น สองหมื่นเลยนะครับ ต่อคืน ถามว่าเราหลงระเริงไหม หลงระเริงเลยครับตอนนั้น เรื่องเป็นคาสโนว่า 16 วัน 15 คน คือผมเป็นประเภทพวกหมาหยอกไก่ สมัยก่อนนะครับ ตอนนี้คือไม่แล้ว ชูษีตายแล้ว”

“แต่เรื่องชีวิตคู่กับตลกด้วยกัน ก็เล่นกันไปสวนกันไปกันมา ตอนแรกก็ไหว้กันไปกันมา แต่พอหลังๆ บอกว่าไม่ต้องไหว้แล้วรักกันเถอะ แต่เพราะว่าความชั่วร้ายมันอยู่ที่ตัวเราแหละที่ไปติดนักร้องแล้วก็มีเรื่องมีราวตบตีกันหน้าคาเฟ่ ทะเลาะกับภรรยา คือตอนนั้นผมโมโหกลับมาจากทำงานเราก็เขกหัวเขาแล้วผมก็ออกจากบ้านไปเลย แต่ผมไม่เข้าบ้านสามเดือนเลยนะ ตอนนั้นคิดว่าเลิกกันแน่นอน ซึ่งเราออกนอกบ้านไป เราก็ไปมีกิ๊กกั๊กบ้างเพราะต้องบอกเลยว่าสันดานตลกร้อยเกือบทั้งร้อยเจ้าชู้”

ชูษี เล่าต่อว่า “แต่เรื่องการรักคุณแม่คือวันไหนก็รักแม่ได้ เราไปหาเอาเงินให้คุณแม่ ยิ่งให้ยิ่งได้ผมคิดแบบนี้นะ ผมคือเอาเงินฟาดแม่ตลอดเวลาอย่าเพิ่งตายนะแม่นะ แบบบางครั้งเขาเห็นเราลำบากเพราะว่าเราไม่มีงาน แม่เขาก็บ่นว่าอยากตายเพราะว่าถ้าเขาตายเราจะได้เงิน เราก็ถามว่าได้เท่าไหร่แม่ 4-5 แสน เราก็บอกว่ายังๆ ให้ครบ 10 ล้านก่อนแล้วค่อยตายแม่ (หัวเราะ)”