เมื่อวันที่ 17 ต.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามโครงการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติ (พิซา) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้มีการขับเคลื่อนและนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ไปใช้ในห้องเรียน ภาคเรียนที่ 1/2567 ของกลุ่มเป้าหมาย 9,214 โรงเรียน ใน 245 เขตพื้นที่การศึกษา ร้อยละ 100 สูงสุดในด้านวิทยาศาสตร์ รองลงมาด้านการอ่าน และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ สพฐ. กำลังเร่งปรับปรุง โดยให้เขตพื้นที่การศึกษาประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จับคู่ร่วมกันพัฒนา เพื่อช่วยปรับปรุงเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ตนได้ย้ำผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โดยให้มีการแนะนำกระบวนการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่การฟัง คิด พูด อ่าน คิด เขียน อย่างเป็นระบบ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รายงานความก้าวหน้าการช่วยเหลือเยียวยาหน่วยงานสถานศึกษา จากสถานการณ์น้ำท่วม โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้รวบรวมงบประมาณ เพื่อของบกลางในการช่วยเหลือเยียวยาหน่วยงานและสถานศึกษา ศธ. ที่ประสบภัย ได้แก่ อนุมัติงบกลาง ปี 2568 เพื่อช่วยเหลือเยียวยานักเรียน นักศึกษา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง เป็น ค่าหนังสือ ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่าอุปกรณ์การเรียน ในอัตราเงินอุดหนุนรายหัว จำนวน 15 ล้านบาท และอนุมัติหลักการให้ส่วนราชการ ศธ. ขอรับจัดสรรงบกลาง ปี 2568 เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูหน่วยงานสถานศึกษา กรอบวงเงิน 249 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า
“ในที่ประชุมดังกล่าว ผมได้กำชับเรื่องการกระทำความผิด การทุจริต โดยได้ให้แนวทางเป็นหลักการ กรณีผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ดำเนินงานไม่โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ว่า ให้มีการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดด้วยความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา หากผลการสอบสวนพบกระทำผิด ให้ดำเนินการลงโทษทันที เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว