สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ว่าสภาแห่งชาติของอิสราเอล หรือ คเนสเซต มีมติเสียงข้างมาก 92 ต่อ 10 เสียง ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รับรองกฎหมายแบนการดำเนินงานของ สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ ( ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ )


ทั้งนี้ อิสราเอลและยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ “เป็นไม้เบื่อไม้เมา” กันมาตลอด นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 โดยอิสราเอลกล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้สนับสนุนกลุ่มฮามาส หลังยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอยอมรับ เมื่อเดือนม.ค. ปีนี้ ว่ามีเจ้าหน้าที่ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 9 คน เข้าร่วมการโจมตีอิสราเอล แต่ยืนยันว่า ได้ไล่ออกแล้ว และมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย


ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่า ภารกิจช่วยเหลือเกี่ยวกับมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ต้องดำเนินต่อไป “อย่างยั่งยืน” ซึ่งอิสราเอลจะร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด


ขณะนายฟิลิป ลาสซารินี ข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ ประณามมติของคเนสเซต โดยกล่าวว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ประเทศแห่งหนึ่งห้ามการทำงานของหน่วยงานในสังกัดสหประชาชาติ ส่วนรัฐบาลปาเลสไตน์และกลุ่มฮามาสออกมาประณามอิสราเอลในเรื่องนี้เช่นกัน


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐวิจารณ์เรื่องนี้เช่นกัน โดยรัฐบาลวอชิงตันส่งหนังสือถึงอิสราเอล เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ให้เวลาอีกฝ่าย 30 วัน ในการเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา มิเช่นนั้น สหรัฐอาจยุติความช่วยเหลือทางทหารบางส่วนให้แก่อิสราเอล


อนึ่ง ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอก่อตั้งเมื่อปี 2492 เป็นหน่วยงานเพียงแห่งเดียวของสหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่ชาวปาเลสไตน์.

เครดิตภาพ : AFP