สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอีสต์แลนซิง รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่านางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และแคนดิเดตของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. ปราศรัยที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตต ให้คำมั่นว่า หากได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เธอจะทำทุกอย่างภายใต้อำนาจที่มีอยู่ เพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซา
At a rally in East Lansing, Michigan, Kamala Harris addressed Gaza at the top of her speech, saying as president she "would do everything in my power to end the war" and "ensure the Palestinian people can realize their right to dignity, freedom, security and self-determination." pic.twitter.com/xifO5NFGz6
— ABC News (@ABC) November 3, 2024
ขณะเดียวกัน แฮร์ริสแสดงความเชื่อมั่นกับผลการเลือกตั้งที่จะออกมา โดยกล่าวว่า “ความได้เปรียบอยู่เคียงข้าง” ตัวเธอ ทั้งนี้ รองผู้นำหญิงสหรัฐเร่งหาเสียงกับกลุ่มประชากรมุสลิมในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะที่รัฐมิชิแกนซึ่งเป็นสวิงสเตต และเป็นชุมชนมุสลิมขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 200,000 คน ท่ามกลางผลสำรวจความคิดเห็นจากแทบทุกสำนักที่เป็นไปในทางเดียวกัน ว่าพรรคเดโมแครตกำลังสูญเสียความนิยมจากหมู่ประชากรมุสลิมในสวิงสเตต เนื่องจากสงครามในฉนวนกาซาที่ยืดเยื้อ และยังคงรุนแรง อีกทั้งยังขยายวงไปสู่เลบานอน

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนพรรครีพับลิกัน กล่าวระหว่างการขึ้นเวทีปราศรัย ที่เมืองคินสตัน ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา แสดงความเชื่อมั่นว่าจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ “แบบแลนด์สไลด์” และกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง เพื่อทำให้อเมริกา “กลับมายิ่งใหญ่ขึ้น ดีขึ้น ร่ำรวยยิ่งขึ้น ปลอดภัยและแข็งแกร่งมากกว่าเดิม”
PRESIDENT TRUMP: This is all you need to know: Kamala BROKE IT—I WILL FIX IT. America will be bigger, better, bolder, richer, safer and stronger than ever before. #BringBackTrump pic.twitter.com/gDFsDAkN7Q
— Trump War Room (@TrumpWarRoom) November 3, 2024
ทั้งนี้ ผลสำรวจโดย “มอร์นิง คอนซอลต์” ปรากฏว่า แฮร์ริส มีคะแนนนิยมนำทรัมป์ 49% ต่อ 47% แต่ลดลงจากการนำ 3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และนำ 4% ในการสำรวจสองครั้งก่อนหน้านั้น ส่วนผลสำรวจโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ ร่วมกับศูนย์วิจัยอิปซอส พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำเหนือทรัมป์ 49% ต่อ 46% ลดลงจาก 51% ต่อ 47% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผลสำรวจโดยสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีนิวส์ ร่วมกับวิทยาลัยอีเมอร์สัน ให้แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนนิยมเสมอกันที่ 49% และยาฮูนิวส์ร่วมกับยูกอฟ ให้ผู้สมัครทั้งสองคนมีคะแนนนิยมเสมอกันที่ 47%
เมื่อวิเคราะห์แยกเฉพาะกลุ่มรัฐที่เป็นสวิงสเตต พบว่าทั้งคู่มีคะแนนนิยมเบียดกันอย่างสูสี โดยทรัมป์มีคะแนนนิยมนำที่รัฐเพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย เนวาดา และแอริโซนา ส่วนแฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกน
นอกจากนี้ การคาดการณ์โดย projects.fivethirtyeight.com วิเคราะห์ว่า หากมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 100 เสียง ทรัมป์มีโอกาสรวบรวมได้ 53 เสียง และแฮร์ริส 47 เสียง และนายเนต ซิลเวอร์ หนึ่งในนักสถิติชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกัน ทำนายว่า ทรัมป์มีโอกาสชนะที่ 51.5%.
เครดิตภาพ : AFP