กลายเป็นเรื่องดราม่าเบาๆ กลางโซเชียล สำหรับ “เชน ธวัชสรรค์” นักแสดงหนุ่มชื่อดัง หลังเจ้าตัวโผล่คอมเมนต์ให้กำลังใจ “กันต์ กันตถาวร” เพื่อนสนิท ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอยุติบทบาทหน้าที่พิธีกรในทุกๆ รายการ จนกว่าจะมีความชัดเจนและกระจ่าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม เนื่องจากกรณีร่วมเป็นหนึ่งในบอสธุรกิจดัง ซึ่งขณะนี้ถูกตำรวจจับกุมในข้อหาร่วมฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
‘ลิเดีย-เชน ธวัชสรรค์-เบิ้ล ปทุมราช’ ร่วมส่งกำลังใจให้ ‘กันต์ กันตถาวร’
ล่าสุด “เชน ธวัชสรรค์” ได้มาร่วมงานฉลองเปิด “โชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้าหรู AVATR” แห่งแรกในเซาท์อีสต์เอเชีย จึงได้เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังเกิดดราม่าคอมเมนต์ให้กำลังใจกันต์ โดยเชนเผยว่า
“แยกนะครับ ข่าวก็คือข่าว ความเป็นเพื่อนก็คือความเป็นเพื่อน ผมเป็นเพื่อนกับกันต์มาหลายปีมากๆ แล้ว สมมุติว่าเพื่อนผมทำผิด ก็ว่ากันไปตามผิด ให้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินคดีจนถึงที่สุด แต่ในฐานะของความเป็นเพื่อน พูดแล้วขนลุก ผมยังมีความเป็นเพื่อนกับเพื่อนผมอยู่ ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมขอให้กำลังใจเพื่อนจนถึงที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ให้กำลังใจผู้เสียหาย เราให้กำลังใจทั้งเพื่อนและผู้เสียหาย ส่วนกระบวนการทางความผิดให้กฎหมายเป็นคนว่าความ การที่ผมเข้าไปให้กำลังใจเพื่อนแค่คำว่า เป็นกำลังใจให้มึงเสมอ ผมหมายความตามนั้น แต่จำเป็นไหมที่ผมจะไปเขียนว่ากูเป็นกำลังใจให้มึงเสมอ และผมเป็นกำลังใจให้กับผู้เสียหายอีก คือมันเป็นโซเชียลของกันต์ แต่ผมเข้าใจอย่างถึงที่สุดกับทุกคนที่เข้ามาด่า รู้สึกคอมเมนต์ด่าจะเยอะกว่าตัวภรรยาของกันต์อีก ผมบอกเลยว่าผมอ่านเกือบทุกข้อความ เพราะเรามีความรู้สึกว่าทำไมแค่เราให้กำลังใจเพื่อนคนหนึ่ง ทำไมเราถึงโดนคนในสังคมโซเชียลด่าถึงขนาดนี้ ผมบอกเลยว่าผมนอยด์ ยอมรับตามตรง เกิดมาไม่มีใครอยากโดนรุมด่าหรอก เรานอยด์ แต่เราก็นั่งอ่าน บางคนด่าผมไอ้ควาย สะเหล่อบ้าง ผมมานั่งทบทวนตัวเองนะ หนึ่งคนที่ด่าไม่มีตัวตน ส่วนคนที่มีตัวตนบางคนก็ทักหาผมส่วนตัวว่าแนะนำนะคะ มีอะไรไปอินบ็อกซ์กันดีกว่ากลัวจะโดนด่าด้วย ผมรับฟังหมดและผมขอบคุณ ผมก็อธิบายด้วยความสุภาพทั้งหมด ผมให้กำลังใจเพื่อนครับ จะผิดจะถูกเขาก็เป็นเพื่อนผม ผมมีอินบ็อกซ์ไปเองด้วย ผมเข้าไปถามว่าด่าใครครับกับพวกคนที่เข้ามาคอมเมนต์แรงๆ แบบไม่มีเหตุผล ด่าลามไปถึงคนอื่น ผมให้กำลังใจเขาทั้งหลังบ้าน ผมให้ทั้งไลน์ ผมให้ทั้งหน้าบ้าน ผมให้กำลังใจเขาทุกที่ เพราะว่านั่นคือเพื่อนผม ผมรักกันต์มากๆ จะผิดจะถูกไม่รู้ แต่ผมรักเพื่อนผม ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าผมผิด เรารักเพื่อนเรา เพื่อนเรายังไม่ได้ถูกตัดสินว่าผิด เพื่อนเราไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ถึงต้องมาด่ากันขนาดนี้ มันยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าผิดนะ ผมไม่ได้ไปให้กำลังใจสู้ๆ นะ เอาชนะคดีให้ได้นะ เปล่าเลย ผมอยากให้มันเข้มแข็ง ต่อให้ผิดหรือถูก กันต์มีลูก ผมว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟมากกับชีวิตเขา ผมให้กำลังใจให้เขาสู้ต่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าสู้แล้วต้องชนะคดี แต่สู้ในความรู้สึกตัวเองว่าเข้มแข็งนะ (อยากให้คนแยกแยะเรื่องคดีกับความเป็นเพื่อน?) มันหลายความรู้สึกมากเลย ตอนนี้ผมเห็นว่าทนายหลายๆ คนเข้ามาพูด มันผิดนะ มันต้องผิด สุดท้ายพอมีทนายคนหนึ่งที่กำลังจะผิด ทนายอีกคนบอกว่าเขาจะผิดจะถูกไม่รู้ แต่เขาคือเพื่อนผม ก็ไม่ได้หมายความว่าทนายคนนั้นผิดแล้ว ผมก็เป็นเช่นนั้น ผมไม่ได้บอกว่าเพื่อนผมถูกหรือผิด เราแค่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าผิดก็ชดใช้ไปตามผิด แล้ววันหนึ่งก็ออกมาเริ่มต้นใหม่ เราก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งที่ให้กำลังใจเพื่อนโดยไม่ได้คิดอะไรนอกจากอยากให้กำลังใจครับ กำลังดราม่ามั้ยคือสิ่งที่ผมทำผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราตั้งใจดี ไม่ได้คิดอะไรที่ไม่ดี ใครจะมาด่าก็ไม่เป็นไรแล้วกัน เราไปเถียงไปทะเลาะด้วยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ผมบอกตรงๆ ผมมีการอินบ็อกซ์กลับไปด้วย ผมถามด้วยว่าด่าใครสำหรับคนที่คอมเมนต์ด่าแรงแบบไม่มีเหตุผลด่าลามคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครตอบผมเลย”
เชน เผยต่อว่า
“ถามว่าได้คุยกับ พลอยบ้างไหม เป็นการคุยกันผ่านเพื่อนของเขา ก็ฝากบอกไปว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้นึกถึงลูกเป็นสำคัญ ต้องดูแลลูกก็ต้องเข้มแข็ง พลอยเองเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะต้องไปยังไงต่อ เขาก็แค่สู้ในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองถูก ก็ต้องเป็นกำลังใจให้กัน ใครเจอเรื่องแบบนี้ก็เครียดแน่นอน ผมว่ามันเป็นเรื่องที่แย่ ใครโดนมันก็แย่ ตอนนี้สังคมของเราใครทำผิดผมขอได้ไหม มุ่งไปที่คนทำผิด คนอื่นไม่เกี่ยว สมมุติว่ากันต์ผิด ก็มุ่งไปทางกันต์ ลูกเขาไม่เกี่ยวด้วย สงสารเขาไม่ได้รู้เรื่อง บางคนผิด ก็ไปด่าถึงพ่อแม่เขาซึ่งพ่อแม่เขาไม่ได้ผิด อยากให้มีสติกันนิดหนึ่ง กันต์ไม่เคยชวนเลย เรื่องงานที่นานๆ จะคุยกันทีก็จะคุยกันเรื่องพวกยูทูบมากกว่า ส่วนเรื่องรูปกับบอสพอล มีครับ เป็นภาพจากงานวันเกิดกันต์ที่เขาชวนไปเซอร์ไพร้ส์ ก็ถ่ายเซลฟี่กันแล้วก็กลับบ้าน การถ่ายรูปมันก็เป็นเรื่องปกติ ผมไม่ได้เจอเขาแค่ครั้งเดียว เจอกันหลายงาน ที่ผมไม่ได้ออกมาชี้แจงเพราะผมไม่รู้เรื่องกับกระบวนการนี้เลยก็ไม่รู้จะไปชี้แจงอะไร ผมไม่ได้อยู่ในบริษัทนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลย เพียงแต่คนเรามันก็มีสังคม พบปะพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ กันต์ไม่เคยชวนเลย เรื่องงานที่นานๆ จะคุยกันทีก็จะคุยกันเรื่องพวกยูทูบมากกว่า ไม่มีใครชักชวนใดๆ ถ้าผมจะทำอะไรในชีวิตเมียเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ผม ไม่มีใครมาชักชวนผมได้ ถ้าจะชักชวนก็ชักชวนทางเมียครับ ชีวิตผมเมียเป็นคนตัดสินใจ แต่ไม่มีครับ ถามว่าพอเกิดเรื่องแบบนี้ ต้องสแกนหนักการรับงานหนักไหม อย่าด่าผมนะ ผมพูดตรงๆ ไม่มีใครรู้หรอก ถ้ามีคนมาจ้างผม 1 ล้าน ไปดิครับ มันไม่รู้จริงๆ บิลบอร์ดติดทั่วประเทศ ทุกวันนี้ผมรับงานผมก็ไม่ได้ไปถามบริษัทเขาว่าเป็นยังไง มีคนให้รีวิวยาสีฟัน มีสารปนเปื้อนไหม ผลิตจากอะไร ผมจะต้องเช็กเหรอ อันนี้เราคุยกันแบบเรื่องจริงนะ ตรงๆ เลย อย่าด่ากันนะ ถ้าวันนั้นเขามาจ้างผม ผมก็ไปแน่นอนครับ เพราะความน่าเชื่อถือจากการมีบิลบอร์ดอยู่ทั่วประเทศ มันเป็นตัวบ่งบอกอยู่แล้วว่าบริษัทเขาใหญ่ ชีวิตเราต้องกินต้องใช้ เรามีเมียก็อยากจะดูแลเมีย ถ้ามีคนมาจ้างเราแล้วงานเหมาะสมกับเรา เราก็รับครับ ผมก็พูดตรงๆ ว่าใครมาจ้างผมก็รับครับ มันเหมือนดวงคนอะ เราก็ดูประมาณหนึ่ง แต่เราคงไม่ไปขอรายละเอียด เอกสาร เช็กส่วนผสม ผมขอโทษจริงๆ แต่ผมก็เรียนตามตรงว่ามันเป็นอย่างนั้น”

เชนเผยทิ้งท้ายว่า “ผมมองว่าให้ดูที่เจตนา ถ้าเราเจตนาดี ก็ไม่ต้องไปสนใจอะไร เจตนาเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเราทำดีหรือไม่ดี ผมมีเจตนาแค่อยากจะให้กำลังใจเพื่อน แล้วโซเชียลมาด่าเรา ซึ่งเราไม่สามารถไปคอนโทรลคนในโซเชียลได้ ผมนั่งดูแอคเคานท์ 80-90% ไม่มีตัวตน แล้วเราจะไปทะเลาะกับคนที่ไม่มีตัวตนทำไม ผมไม่กำหนดว่าอะไรถูกอะไรผิด ผมแค่เป็นเพื่อน ก็ให้กำลังใจกันผมอยากไปเยี่ยมกันต์นะ แต่ตอนนี้ต้องรอดูเวลาที่เหมาะสม”



ขอบคุณภาพประกอบจาก:chanenutthawat