สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่ากระทรวงสิ่งแวดล้อมของจีนเผยแพร่แนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม สู่การบรรลุเป้าหมาย “เป็นกลางทางคาร์บอน” ที่รวมถึงการเพิ่มการใช้พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิล ให้มีสัดส่วนประมาณ 25% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ภายในปี 2573 โดยรัฐบาลปักกิ่งคาดการณ์ว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศในเวลานั้น จะลดลงมากกว่า 65% เมื่อเทียบกับระดับของปี 2548


ขณะที่ภายในปี 2573 กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในจีน จะเพิ่มขึ้นรวมกันเป็นมากกว่า 1,200 ล้านกิโลวัตต์ และภายในปี 2603 สัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิลในจีนจะเหลือไม่ถึง 20%


ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนรายใหญ่ที่สุดของโลก อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนของจีนจะถึงจุดสูงสุด ภายในปี 2573 หลังจากนั้นเข้าสู่เส้นทางลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2603 แม้เป็นกำหนดการที่ช้ากว่าของสหภาพยุโรป (อียู) 10 ปีก็ตาม

นอกจากนี้ ผู้นำจีนยืนยัน การยุติความสนับสนุน ด้านการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินแห่งใหม่ในต่างประเทศ แม้สียังไม่ได้ให้รายละเอียดในประเด็นนี้มากนัก แต่บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมต่างมีปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวก ว่าหากไม่มีความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลปักกิ่งในเรื่องนี้อีกต่อไป คงเป็นเรื่องยากที่จะมีการขยายขอบเขตการใช้พลังงานถ่านหินบนโลก.

เครดิตภาพ : REUTERS