เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ จ.เพชรบุรี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อม นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองปฏิบัติการพิเศษ นายระวี อักษรศิริ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ร่วมบูรณาการลงพื้นที่ติดประกาศอายัดทรัพย์สินของอดีตคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวกระหว่างวันที่ 25-26 ต.ค. ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ชลบุรี และ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า สืบเนื่องจากการสอบสวนขยายผล คดีอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก ร่วมทุจริตโดยการนำเงินออกจากสหกรณ์รถไฟฯ โดยการโอน และเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด จึงลงพื้นที่เพื่ออายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าวเพิ่มเติม โดยครั้งนี้เป็นการดำเนินการในระยะที่ 2 หลังจากพบหลักฐานการโอนชำระเงินเพื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในทรัพย์สิน และยังพบอีกว่าทรัพย์สินบางรายการนั้น อดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ นำไปซื้อทรัพย์สินโดยยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ เนื่องจากเป็นที่ดินที่ออกโฉนดโดยวิธีการเดินสำรวจออกโฉนดที่ไม่มีหลักฐานเดิม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ จึงติดเงื่อนไขห้ามโอนมีกำหนด 10 ปี ดีเอสไอจึงร่วมกับสำนักงานที่ดินในพื้นที่ ตำรวจ และปกครองอำเภอ ในพื้นที่ 5 จังหวัดเข้าตรวจสอบและปิดประกาศอายัดทรัพย์ รวม 110 รายการ มูลค่าประมาณ 214 ล้านบาท

คดีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 21/2564 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เร่งดำเนินอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด เพื่อนำเงินชดใช้คืนสหกรณ์รถไฟฯ และสมาชิกสหกรณ์ 6,000 คน รวมสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง ที่ได้รับความเสียหาย โดยดีเอสไอร่วมกับ ปปง. เข้าตรวจสอบและอายัดทรัพย์ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษฯ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอและหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ร่วมกันอายัดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด เนื่องจากพบความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินของเครือข่ายอดีตผู้บริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟฯ ที่นำเงินจากการทุจริตออกจากบัญชีสหกรณ์ฯ ไปฟอกด้วยวิธีซื้อสิ่งปลูกสร้าง เช่น ซื้อที่ดินเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 6 แปลง ที่ดินใน อ.เมือง จ.เพชรบุรี 23 แปลง และ อ.แก่งกระจาน อีก 49 แปลง โดยดีเอสไอ และ ปปง. ได้อายัดไว้ 85 แปลง มูลค่าประมาณกว่า 85 ล้านบาท