สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่า “เดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส” รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่ากองทัพยูเครนใช้งานขีปนาวุธ “สตอร์ม ชาโดว์” ของสหราชอาณาจักร โจมตีเป้าหมายทางทหารอย่างน้อย 1 แห่ง ในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกรัสเซีย
ด้าน “เดอะ การ์เดียน” รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวเช่นกัน ว่าการที่ยูเครนใช้งานขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ แม้ก่อนหน้านั้นมีรายงานออกมาเป็นระยะจากทางรัสเซีย ว่ายูเครนใช้งานอาวุธดังกล่าวบ้างแล้ว
ทั้งนี้ ขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ มีระยะทำการไกลกว่า 250 กิโลเมตร สามารถยิงได้จากอากาศยาน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทหารยูเครน ไม่ต้องประจำการใกล้กับแนวรบแดนหน้ามากนัก
ขณะเดียวกัน ขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ สามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรยืนยันมาตลอด ว่ากำหนดเงื่อนไขให้กองทัพยูเครนใช้งานขีปนาวุธรุ่นนี้ “ภายในดินแดนซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐบาลเคียฟ และได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ” เท่านั้น
ด้านยูเครนยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับรายงานดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังรัสเซียกล่าวว่า กองทัพยูเครนใช้ขีปนาวุธ “อะแทคซิมส์” ของสหรัฐ ที่มีพิสัยทำการระยะไกลสูงสุด 300 กิโลเมตร โจมตีเป้าหมายทางทหารในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียเช่นกัน
ขณะที่นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันที่ใกล้หมดวาระ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพยายามดำเนินการทุกวิถีทางที่ทำได้ เพื่อให้สงครามในยูเครนดำเนินต่อไปในระดับที่ตึงเครียดและรุนแรง รวมถึงการส่งมอบอาวุธให้ได้มากที่สุด ก่อนนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 20 ม.ค. 2568
ทั้งนี้ สื่อใหญ่หลายแห่งของสหรัฐรายงานว่า นอกจากขีปนาวุธอะแทคซิมส์ รัฐบาลวอชิงตันเตรียมส่งมอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ด้วยความหวังว่า อาวุธดังกล่าวจะสามารถขัดขวาง และชะลอการรุกคืบของรัสเซีย ในภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครนได้
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเน้นย้ำว่า ยูเครนต้องใช้งานทุ่นระเบิดในเขตแดนของตัวเองเท่านั้น และไม่ใช้งานในพื้นที่ซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัย เพื่อลคความเสี่ยงของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพลเรือน.
เครดิตภาพ : AFP