สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ว่านายเซอร์เก ริบคอฟ รมช.การต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัฐบาลมอสโกกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ ของการติดตั้งระบบขีปนาวุธ ที่มีพิสัยทำการระยะใกล้ถึงกลาง ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อตอบสนองต่อรายงานที่ว่า สหรัฐมีแผนติดตั้งระบบที่คล้ายคลึงกันในภูมิภาคแห่งนี้
#Russia is considering possibly deploying medium-range and short-range missiles in Asia if #US missiles appear in the same region, local media reported Monday, citing Russian Deputy Foreign Minister Sergei Ryabkov. https://t.co/LkTbsTeEBH pic.twitter.com/iX1tia7iFO
— China Daily (@ChinaDaily) November 26, 2024
ถ้อยแถลงดังกล่าวของริบคอฟเกิดขึ้น หลังสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่าสหรัฐมีแผนการติดตั้งระบบขีปนาวุธ “ไฮมาร์ส” ตามแนวชายฝั่งหมู่เกาะนันเซ หรือหมู่เกาะริวกิว ซึ่งทอดยาวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ จากหมู่เกาะคิวชูของญี่ปุ่น ถึงเกาะไต้หวัน “เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ฉุกเฉินที่ว่านั้น “มีแนวโน้มเกิดขึ้นภายในอนาคตอันใกล้” กองทัพสหรัฐมีแผนการก่อสร้างฐานทัพชั่วคราวบนหมู่เกาะแห่งนี้ แล้วส่งนาวิกโยธินจำนวนหนึ่งเข้าไปประจำการ ส่วนกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะให้ความสนับสนุนในด้านการส่งกำลังบำรุงเท่านั้น
#FMsays China firmly opposes certain countries using the Taiwan question as an excuse to strengthen regional military deployments, provoke tensions and confrontations, and undermine regional peace and stability, FM spokeswoman Mao Ning said after it was reported that the United… pic.twitter.com/g3KpcPsqbz
— China Daily (@ChinaDaily) November 25, 2024
นอกจากนี้ รายงานของสำนักข่าวเกียวโดระบุด้วยว่า กองทัพสหรัฐมีแผนประจำการกองกำลังที่เรียกว่า “หน่วยเฉพาะกิจหลายมิติ” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ในยุทธบริเวณ ในฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนปฏิบัติการฉุกเฉิน” ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันเช่นกัน
ขณะที่น่าสังเกตว่า บรรดาสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลปักกิ่งพร้อมใจกันนำถ้อยแถลงดังกล่าวของริบคอฟ มาเผยแพร่เป็นภาษาจีนด้วย ด้านนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงรายงานของสำนักข่าวเกียวโด ว่าเป็น “ข้ออ้าง” ของสหรัฐ ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียด การเผชิญหน้า และเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพ ตลอดจนสันติภาพในภูมิภาคแห่งนี้.
เครดิตภาพ : AFP