สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า ลาการ์ด กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ “ไฟแนนเชียล ไทม์ส” (เอฟที) ว่า การร่วมมือกับทรัมป์ เป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าการใช้กลยุทธ์การตอบโต้เพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจนำไปสู่กระบวนการโต้ตอบแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ที่ไม่มีใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริง

นอกจากนี้ ลาการ์ยังแนะนำว่า อียูควรยื่นข้อเสนอซื้อสินค้าบางประเภทจากสหรัฐ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) และยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศ

อนึ่ง ทรัมป์เคยกล่าวไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า อียูเปรียบเสมือน “จีนขนาดเล็ก” และวิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับกลุ่มประเทศสมาชิก 27 ประเทศ

ในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน, เม็กซิโก และแคนาดา ระหว่าง 10-25% โดยคาดว่าจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับสินค้าจากอียูในภายหลัง

“สงครามการค้าโดยรวม ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลงทั่วโลก” ลาการ์ด กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับเสริมว่า ผลกระทบที่อาจขึ้นเกิดจากภาษีของสหรัฐ ต่ออัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนนั้นไม่แน่นอน แต่มันอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเล็กน้อยในระยะสั้น ขึ้นอยู่กับว่าภาษีดังกล่าวเป็นอะไร มีผลกับอะไร และบังคับใช้เป็นเวลานานแค่ไหน.

เครดิตภาพ : AFP