เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 67 “บิ๊กป้อม”​ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ มอบหมายให้ “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ตลอดชีพ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 ที่ทำการคณะกรรมการโอลิมปิค ถนนศรีอยุธยา

พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิค แจ้งต่อที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร มีอาการท้องเสีย ไม่สบายกะทันหัน จึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมในวันนี้ได้ ไม่ได้เป็นการหนีประชุมแต่อย่างใด

สรุปสาระสำคัญดังนี้ ในที่ประชุมได้มีการรายงานความคืบหน้าการเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า ซึ่งมีการยืนยันจำนวนชนิดกีฬา 50 ชนิดกีฬา และกีฬาสาธิต 3 ชนิดกีฬา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบแผนการเตรียมงานต่างๆ รวมถึงยังมีการรายงานความคืบหน้าการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7-14 ก.พ. 68 โดยไทยส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมชิงชัยจำนวนทั้งสิ้น 132 คน

ในช่วงท้ายของการประชุม ได้มีการหารือถึงกำหนดการประชุมครั้งต่อไป ​ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของคณะกรรมการบริหารฯ ชุดปัจจุบัน ซึ่งเดิมที พล.อ.วิชญ์ เสนอให้ประชุมอีกครั้งในช่วงเดือน มี.ค. 68 ก่อนที่จะเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ก่อนจะมีการถกเถียงกันว่า ตามระเบียบต้องมีการประชุมทุก 2 เดือน จึงได้กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารอีกครั้งในช่วงเดือน ม.ค. 68 จากนั้นจะเป็นการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญประจำปี ที่จะมีวาระการเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ในเดือน มี.ค. 68 ต่อไป

จากนั้นในที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงสถานะของ พล.อ.ประวิตร หลังจากที่แพ้การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ให้กับ พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ จะมีผลกระทบต่อตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิค หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีการอ้างถึงข้อบังคับของการกีฬาแห่งประเทศไทย ตราบเท่าที่ยังไม่มีการจดทะเบียนคณะกรรมการบริหารสมาคมทางน้ำ ชุดใหม่ พล.อ.ประวิตร ก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมฯ และทำหน้าที่ในคณะกรรมการบริหาร ได้ตามเดิม

ก่อนที่ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานโอลิมปิค คนที่ 2 จะชี้แจงเพิ่มเติมว่า ถ้าหากผู้บริหารสมาคมกีฬาทางน้ำชุดใหม่ ได้รับการรับรองทางการ ก็จะต้องส่งหนังสือมายังโอลิมปิคไทย เพื่อขอยืนยันสิทธิในการส่งตัวแทนสมาคมมานั่งคณะกรรมการบริหาร แต่ไม่ใช่การมานั่งประธานโอลิมปิคไทย แต่อย่างใด เมื่อนั้น พล.อ.ประวิตร จึงจะต้องออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบของโอลิมปิคไทย ก็จะให้รองประธานอันดับ 1 ซึ่งปัจจุบันคือ นายธรรมนูญ หวั่งหลี จะรักษาการประธานโอลิมปิคไทย ไปจนกว่าจะถึงการเลือกคณะกรรมการชุดใหม่

ภายหลังการประชุม นายชัยภักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ต้องชี้แจงก่อนว่าคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ไม่มีการเลือกตั้งประธาน มีแค่การเลือกตัวแทน 23 สมาคมกีฬา เข้ามาเป็นกรรมการบริหาร จากนั้นค่อยเลือกประธาน จาก 23 คน ไม่มีการเสนอตัว เสนอชื่อมาแข่งขันกันแต่อย่างใด แต่คนที่จะเข้ามานั่งคณะกรรมการบริหารได้ จะต้องเป็นนายกสมาคมกีฬา หรือเป็นตัวแทนที่สมาคมฯ เสนอชื่อมาเท่านั้น

“ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร ยังเป็นประธานโอลิมปิคไทย อยู่ เพราะยังถือว่าเป็นนายกสมาคมกีฬาทางน้ำ อยู่ ต้องรอให้มีการรับรองคณะกรรมการบริหารสมาคมทางน้ำชุดใหม่ก่อน ซึ่งตอนนี้เราไม่รู้ว่ารับรองหรือยัง จากนั้นถ้า พล.ท.บุญชัย ที่ได้รับการรับรองแล้วต้องการจะเข้ามานั่งกรรมการบริหาร ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ใช่เข้ามานั่งตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทย แทนที่ พล.อ.ประวิตร ส่วน พล.อ.ประวิตร เมื่อทำหน้าที่ไม่ได้ ตามระเบียบก็จะมีการตั้งรองประธานคนที่ 1 ขึ้นมารักษาการ แต่ก็มีเวลาทำหน้าที่แค่ไม่กี่เดือน ก่อนการเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เท่านั้นเอง แทบไม่มีผลอะไรเลย” นายชัยภักดิ์ กล่าวปิดท้าย